ปฏิทินเศรษฐกิจ - 5 สิ่งที่ต้องจับตาสัปดาห์นี้

ปฏิทินเศรษฐกิจ - 5 สิ่งที่ต้องจับตาสัปดาห์นี้
Create at 3 years ago (Dec 07, 2020 14:50)

เศรษฐกิจกลับมามีความหวังอีกครั้ง จุดเริ่มต้นของการเปิดตัววัคซีนจะเป็นจุดสนใจหลักสำหรับตลาดการเงินในสัปดาห์หน้า แรงกดดันในวอชิงตันกำลังเพิ่มขึ้น จากกรณีช่วยเหลือผู้คนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัส โดยเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลในวันศุกร์ แต่อาจมีความผันผวนมากขึ้นเนื่องจากการล็อคดาวน์ใหม่เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส ในยุโรปการเจรจา Brexit ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายและธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะประกาศการขยายตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งในวันพฤหัสบดีเนื่องจากการระบาดใหญ่ยังคงทำลายเศรษฐกิจในเขตยูโร ในขณะที่ประเทศไทยมีการประท้วงรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง คือสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์ของคุณ

1. การพูดคุยนโยบายช่วยเหลือโควิดคืบหน้า

ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงช้าที่สุด U.S. การเติบโตของงาน ในหกเดือนตอกย้ำความคาดหวังของนักลงทุนสำหรับร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผู้คนกว่า 13 ล้านคนต้องสูญเสียสิทธิประโยชน์การว่างงานในวันที่ 26 ธันวาคมโดยที่สภาคองเกรสไม่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว

แผนการช่วยเหลือ coronavirus มูลค่า 9 แสน 8 พันล้านดอลลาร์ได้รับแรงผลักดันในสภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ หลังจากความขัดแย้งเป็นเวลานานหลายเดือนระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต เนื่องจากตกลงขนาดของงบประมาณกันไม่ได้ 

แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า Mitch McConnell ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาจะเห็นด้วยกับงบขนาดใหญ่ดังกล่าวหรือไม่ หลังจากที่ผลักดันให้ใช้จ่ายเพื่อการบรรเทาทุกข์ราว 5 แสนล้านดอลลาร์

2. การเปิดตัววัคซีนโควิด-19

สหราชอาณาจักรกำลังเตรียมที่จะเป็นประเทศแรกในการเปิดตัววัคซีนที่พัฒนาโดย Pfizer (NYSE: PFE) และ BioNTech (NASDAQ: BNTX) ในสัปดาห์นี้

วัคซีนชุดแรกจะถูกจะให้ความสำคัญแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุเป็นอันดับแรก

สหราชอาณาจักรให้การอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินสำหรับวัคซีน Pfizer / BioNTech เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

ในสหรัฐอเมริกาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับวัคซีน Pfizer / BioNTech ในวันพฤหัสบดีและการฉีดวัคซีนครั้งแรกอาจดำเนินการได้เร็วที่สุดในวันศุกร์โดยหวังว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ 20 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

3. ความผันผวนของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้น

ดัชนีหลักสามตัวของวอลล์สตรีทพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ ท่ามกลางความคาดหวังว่ารายงานการจ้างงานของสหรัฐที่น่าหดหู่ อาจนำมาสู่การออกโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากขึ้น การอัปเดตวัคซีนในเชิงบวกยังช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจ

แม้ว่าวัคซีนกำลังมาถึง แต่การล็อคดาวน์ต่าง ๆ ก็ยังคงมีอยู่ และคาดว่ากว่าที่วัคซีนจะเข้าถึงประชาชนทั่วไปอาจใช้เวลาอีกหลายเดือน

4. Brexit ใกล้จบ 

ผู้เจรจาจากสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปกำลังจัดการเจรจาครั้งสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าหลัง Brexit ก่อนที่ข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากการเจรจาไม่สำเร็จจะทำให้เศรษฐกิจอังกฤษหยุดชะงักในระยะยาว หากตกลงกันไม่ได้จะส่งผลกระทบต่อ สเตอร์ลิง และจะทำให้เศรษฐกิจของอังกฤษที่ควรจะโตได้อีก 2% ในปี 2564 กลายเป็ศูนย์

5. การชุมนุมในประเทศไทยยังคงยืดเยื้อ และสถานการณ์โควิดที่ล่อแหลม

ในขณะที่ประเทศไทยพึ่งผ่านการเฉลิมฉลองานคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น ประชาชนอีกส่วนนึงยังคงชุมนุมประท้วงรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องในวันที่ 6 ธันวาคม แต่ถึงอย่างนั้นตลาดหุ้นไทย SET ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความหวังของวัคซีนที่ทำให้ตลาดคลายความกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามการชุมนุมอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นบางบริษัท ดังที่เห็นได้จากกรณีชุมนุมที่หน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (BK:SCB) ซึ่งส่งผลให้หุ้นปิดตัวลงต่ำกว่าเดิมเล็กน้อยในวันเดียวกัน

ในขณะเดียวกันสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงล่อแหลม จากเหตุการณ์ที่มีผู้ลักลอบเข้าเมืองจากประเทศพม่า โดยล่าสุดประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 9 คน ทำให้นักลงทุนมีความกังวลเล็กน้อยว่ารัฐบาลไทยอาจประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง 

Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES