ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ผันผวน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน และบดบังปัจจัยบวกจากการปิดทำนิวไฮของดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,069.28 จุด เพิ่มขึ้น 181.13 จุด หรือ +0.65% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,661.04 จุด เพิ่มขึ้น 55.42 จุด หรือ +0.21% นักลงทุนยังคงจับตาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศของภูมิภาค ซึ่งสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นถึงการใช้มาตรการควบคุมการเดินทางในภูมิภาค และอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ออสเตรเลียได้สั่งขยายมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองเมลเบิร์นของรัฐวิกตอเรียต่อไปอีก 7 วัน โดยจะสิ้นสุดวันที่ 19 ส.ค. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นเพิ่ม 356 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยสิ่งที่น่าเป็นกังวลคือราว 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ล้วนสัญจรไปมาในชุมชนขณะที่พวกเขาติดเชื้อ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียซึ่งจัดทำโดย Westpac-Melbourne Institute ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค. เนื่องจากการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน 3 เมืองขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าวอ่อนแอลง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนส.ค.ร่วงลง 4.4% สู่ระดับ 104.1 ซึ่งสวนทางกับในเดือนก.ค.ที่ดีดตัวขึ้น 1.5% นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ในระยะเวลา 4 เดือน
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งขึ้น 30.9% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ออสเตรเลียเพิ่งผ่านพ้นจากการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบแรก นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนส.ค.ซึ่งอยู่เหนือระดับ 100 ยังบ่งชี้ว่า จำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวกนั้น มีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ