ทองคำทรงตัวเหนือ $1,723 โดยวิ่งในกรอบ $1,723 ถึง $1,738 หลังบอนด์ยีลด์พุ่งต่อเนื่องแตะ 1.359% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.จากอุปทานพันธบัตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.11% สู่ระดับ 93.140 เมื่อเช้านี้ เนื่องจากเฟดอาจเริ่มลด QE ในเร็วๆ นี้ และวุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้
ถ้อยแถลงของนาย Charles Evans ประธานเฟดชิคาโก กล่าวเมื่อวันอังคาร อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันไม่ควรผลักดันให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควร โดยต้องมีข้อมูลแรงงานอีกหลายเดือนก่อนการเปลี่ยนแปลงใดๆ เช่นเดียวกับต้องให้แน่ใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด
.
ในด้านข้อมูลกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3% ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%
.
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์โจมตีแผนการร่วมซ้อมรบทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่มีกำหนดเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ พร้อมขู่ว่า การดำเนินแผนงานดังกล่าวทำให้กรุงเปียงยางจำต้องเริ่มพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธของตนให้สูงขึ้นไปอีก เป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำพุ่งขึ้น รวมทั้งด้านสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวลง 2.8 จุด สู่ระดับ 99.7 ในเดือนก.ค. หลังจากดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. ก็เป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำเช่นกัน
.
ในด้านของนักวิเคราะห์ระบุว่า ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไบออนเทค ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในธุรกิจยาของเยอรมนี จะช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นถึง 0.5% ในปีนี้
.
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีการประกาศตัวเลข CPI, Core CPI ว่าจะส่งผลอย่างไรต่อราคาทองคำ
.
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ราคาทองคำทรงตัวเหนือ $1,723 แต่ติดแนวต้านที่ $1,738 โดยตอนนี้ราคาทองคำอยู่ที่ $1,732 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ $1,738 ได้ ก็มีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับแรกที่ $1,723
แนวต้านสำคัญ : 1,738.074 / 1,749.842
แนวรับสำคัญ : 1,723.171 / 1,717.695
.