ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.88 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 35,499.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 4,460.83 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 51.13 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 14,816.26 จุด
แอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ไมโครซอฟต์ อเมซอนดอทคอม อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และเฟซบุ๊ค ซึ่งมีมูลค่าตลาดคิดเป็นราวๆ 1 ใน 4 ของเอสแอนด์พี 500 เป็นแกนนำเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก เคลื่อนไหวในแดนบวก ส่วนดัชนีดาวโจนส์ แกว่งตัวขึ้นมาทุบสถิติสูงสุดในช่วงท้ายของการซื้อขาย
นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวในแดนบวกของหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เทสลา อิงค์ เอ็นวิเดีย คอร์ป และโมเดอร์นาอิงค์ แม้หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะปรับตัวลดลงมากกว่าปรับตัวขึ้นก็ตาม
การซื้อขายยังได้รับอิทธิพลจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 375,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวแม้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีพีไอพุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ขยายตัว 7.3% ในเดือนมิ.ย. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2553 ส่วนดัชนีพีพีไอพื้นฐาน ที่ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี