สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพฤหัสบดี (19ส.ค.)ร่วงลง 2.7% ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ท่ามกลางความกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการการแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ดิ่งลง2.7% ปิดที่ราคา 63.69ดอลลาร์/บาร์เรล หลังทรุดตัวลงแตะ 62.83 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 2.61% ปิดที่ราคา 66.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสดิ่งลงกว่า 5% ในช่วง 6 วันที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าการร่วงลงของราคาน้ำมันทะลุระดับ 65 ดอลลาร์ จะส่งผลให้ราคาไหลลงต่อไปในช่วง 57-65 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการปรับตัวของราคาน้ำมันในไตรมาส 2

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล

ขณะเดียวกัน กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เทขายสัญญาน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ

ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ไออีเอ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน