ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร (24ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 30 จุด โดยตลาดยังคงขานรับการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่างๆ รวมถึงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 30.55 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 35,366.26 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 6.70 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 4,486.23 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 77.15 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 15,019.80 จุด
ตลาดขานรับรายงานที่ว่าเอฟดีเอของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขคาดหวังว่า การอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยสนับสนุนโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนในสหรัฐ โดยจะโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเชื่อว่า วัคซีนของไฟเซอร์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตัล ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า การอนุมัติวัคซีนถือเป็นข่าวดีต่อตลาด โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนประกาศเป็นข้อบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนก่อนที่จะกลับเข้าทำงานในสำนักงาน ซึ่งจะช่วยให้อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 75%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.
เฟดสาขาแคนซัสซิตี้ ซึ่งเป็นผู้จัดการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า การประชุมในวันที่ 26-28 ส.ค.จะเปลี่ยนเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากเดิมที่กำหนดว่าจะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน โดยการปรับรูปแบบการประชุมมีเป้าหมายที่จะลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19