เช้าวันนี้ โรงงานของประเทศจีน เข้าสู่ภาวะหดตัว เป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปีครึ่ง ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุด ทำให้เกิดปัญหาคอขวดของอุปทาน (ความต้องการเสนอสินค้าและบริการ) และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ล้วนมีส่วนทำให้การฟื้นตัวของพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกชะลอตัวลงค่ะ
Caixin เป็นกลุ่มสื่อจีนในกรุงปักกิ่งที่รู้จักสำหรับข่าวสืบสวนสอบสวน ได้นำเสนอดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อด้านการผลิต (PMI) ของ Caixin ซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นวันนี้อยู่ที่ 49.2 ต่ำกว่าเป้าชี้วัดการเติบโตที่ 50 จุดค่ะ
เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ได้เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ที่ 50.1 และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) นอกภาคการผลิต ที่ 47.5 ในสิงหาคมที่ผ่านมา
แม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย "ปลอดผู้ติดเชื้อโควิด-19" ของประเทศจีน จะประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดครั้งล่าสุดในหลายจังหวัด แต่ก็ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเช่นกันค่ะ
“การระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งล่าสุดก่อให้เกิดความรุนแรงต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020”
ข้อจำกัดที่เกิดขึ้น จากโควิด-19 ยังนำไปสู่ปัญหาอุปสงค์ที่ลดลง รวมถึงการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตอีกด้วยค่ะ
นายฮวง ผู้ส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์กล่าวกับรอยเตอร์ว่า
“เนื่องจากปีนี้ไม่มีชิป ทำให้ความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง โรงงานของเราได้ลดการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เราได้ยินมาว่าโรงงานบางแห่งต้องหยุดการผลิตลง และในขณะนี้ดูเหมือนว่าปัญหาการขาดแคลนชิปจะยังคงดำเนินต่อไป”
การชะลอตัวในภาคการผลิตยังเน้นย้ำถึงความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีความคาดหวังเพิ่มมากขึ้น ว่าจีนจะนำมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม มาใช้เพื่อให้การฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจค่ะ