หากเราพูดถึงอุปสงค์ กับอุปทาน และความหายากของสิ่งของกันนะคะ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin และเงินดอลลาร์ ความขาดแคลนคือช่องว่างระหว่างทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไร้ขีดจำกัด หลักการขาดแคลนเป็นแนวคิดหลักในการศึกษาเศรษฐศาสตร์ ดังนี้ค่ะ
โดยนาย Thomas Sowell นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Hoover นิยามเศรษฐศาสตร์ดังนี้:
“การศึกษาการจัดสรรทรัพยากรที่หายาก โดยใช้ทางเลือกอื่น ๆ”
ความขาดแคลนสัมพัทธ์ และความขาดแคลนสัมบูรณ์
อันดับแรก เราจะพูดถึงความขาดแคลนสัมพัทธ์ จะใช้ทองคำเพื่อยกตัวอย่าง เนื่องจากมันเป็นของหายาก หากความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ราคาทองคำก็สูงขึ้นตาม และเมื่อนักขุดทองเห็นราคาทองสูงขึ้น พวกเขาก็มีความต้องการในการทำงานล่วงเวลา และอัพเกรดอุปกรณ์การขุดทั้งหมดของตนเพื่อให้สามารถผลิตทองคำให้ได้มากที่สุดเพราะอัตรากำไรนั้น สูงกว่าเดิม แต่เมื่อคนงานเหมืองทองคำสกัดทองคำออกมาได้มากขึ้น อุปทานก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ราคาทองคำลดลงเนื่องจากอุปสงค์ และอุปทานกำลังเข้าสู่สมดุลดั้งเดิม โดยทั่วไปแล้วสิ่งนี้หมายความว่าสินค้าที่ค่อนข้างหายากไม่มีอุปทานคงที่ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่อุปสงค์(ความต้องการ)เพิ่มขึ้น อุปทานก็จะเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ในที่สุด
มาดูในส่วนความขาดแคลนสัมบูรณ์กันค่ะ จะใช้ภาพโมนาลิซ่าเป็นตัวอย่าง หากความต้องการโมนาลิซ่าพุ่งสูงขึ้น ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม อุปทานของมันจะไม่เพิ่มขึ้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างโมนาลิซ่าอีกภาพหนึ่ง เนื่องจากผู้สร้างคนเดิม เลโอนาร์โด ดาวินชีเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถสร้างแบบจำลองภาพโมนาลิซ่าขึ้นมา แล้วมาบอกว่าภาพนี้ถูกวาดขึ้นโดย เลโอนาร์โด ดาวินชี แน่นอนค่ะ
ดังนั้นราคาจะยังคงอยู่จนกว่าความต้องการภาพวาดนี้จะลดลง สิ่งนี้หมายความว่าในความขาดแคลนสัมบูรณ์ มีอุปทานที่แน่นอนของสินค้า เมื่อใดก็ตามที่ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น จะไม่มีการตอบสนองต่ออุปทานเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั้น ซึ่งหมายความว่าอุปทานไม่สามารถยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์ค่ะ เราไม่สามารถสร้างเพิ่มเติมได้โดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์เดียวที่เปลี่ยนแปลงได้คือราคานั่นเองค่ะ
เพราะดอลลาร์ไม่ได้หายาก เพราะสามารถพิมพ์โดยธนาคารกลางได้ตลอดเวลา ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อผู้คนมีเงินไม่มาก ความต้องการเงินดอลลาร์ก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นธนาคารกลางจึงพิมพ์เงินหมุนเวียนเพื่อให้อุปทานทางการเงิน เป็นไปตามความต้องการทางการเงินที่เพิ่มขึ้นใหม่
ในทางกลับกัน Bitcoin นั้นหายากอย่างแน่นอนค่ะ เพราะจำนวน Bitcoin ในการหมุนเวียนจะไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ ดังนั้นเมื่อความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้น มีเพียงตัวแปรเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปสงค์และอุปทานของ Bitcoin อยู่ในสมดุลและนั่นคือราคา ในขณะที่ความขาดแคลนอย่างแท้จริงนี้ คือสิ่งที่ทำให้ Bitcoin มีค่ามากขึ้นทุกๆปีนั่นเองค่ะ