ตลาดยังคงถูกกดดันแม้หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ(CPI) ของสหรัฐในเดือนสิงหาคมผ่อนคลายลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บางประเทศต้องบังคับใช้ข้อจำกัดบางประเภทอีกครั้ง นอกจากนี้ แรงหนุนค่าเงิน EUR/USD อาจเป็นความคิดเห็นในเชิงบวกเล็กน้อยจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร

.

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ

.

ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.0% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.2%

.

วานนี้ ตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.2634% ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงที่สุดในรอบ 6 เดือน  บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจถึงจุดสูงสุดไปแล้ว  ซึ่งบั่นทอนแนวโน้มเฟดเร่งปรับลดวงเงิน QE

.

ในทางกลับกัน ฟรองซัว วิลเลรอย เดอ กาลเฮา สมาชิกสภาปกครองธนาคารกลางยุโรป (ECB) และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร Isabel Schnabel ต่างก็ปฏิเสธความกลัวว่าจะมีเงินเฟ้อสูง สิ่งเดียวกันนี้ทำให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถคิดทบทวนการลด PEPP และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้สกุลเงินของยูโรได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น

.

นอกเหนือจากการคิดใหม่เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและการพูดคุยของ ECB แล้ว ปัญหาโควิด-19 และความตึงเครียดทางการเมืองยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด ซึ่งหนุนอุปสงค์ที่ปลอดภัยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และจะส่งผลต่อผลตอบแทน 

.

ในวันนี้จะมีการเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน ในเดือนกรกฎาคมซึ่งคาดว่าจะกลับตัว -0.3% ก่อนหน้าที่ +0.6% อีกหนึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาความเสี่ยง คือข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนสิงหาคม ที่คาดว่าจะผ่อนคลายจาก 0.9% เป็น 0.5% ซึ่งจะกระต้นแรงซื้อขายในตลาดได้

.