ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.42% สู่ระดับ 92.867 พร้อมกับแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ที่ 92.964 หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนสิงหาคม ซึ่งคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1.351% ในวันพฤหัสบดี หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
.
ในด้านของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 30.7 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.7 จากระดับ 19.4 ในเดือนส.ค.
.
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.8% และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 15.1%
.
ข้อมูลจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ เปิดเผยว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่สามของบริษัทไฟเซอร์ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ และยืนยันว่า วัคซีนสองเข็มที่ใช้อยู่ในขณะนี้ก็สามารถป้องกันอาการป่วยหนักจากโคโรนาไวรัสได้ดีเช่นกัน
.
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่างๆจะหนุนดอลลาร์ดีดขึ้น แต่ข้อมูลจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเผย ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 63.07 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิด -0.16% เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มวัสดุ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันดอลลาร์
.
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง DXY พุ่งขึ้นกว่า 250 จุด แตะที่ 92.964 เมื่อคืนนี้ ก่อนจะย่อตัวลงมาที่ระดับ 92.835 ณ เวลที่เขียน อย่างไรก็ตามทิศทางกราฟยังคงแนวโน้มขาขึ้น หากกราฟสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านที่ระดับ 92.956 ได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 93.057
แนวต้านสำคัญ : 92.956 / 93.057
แนวรับสำคัญ : 92.817 / 92.747
.
Updated
3 years ago
(Sep 17, 2021 12:28)