ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยยังคงได้แรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และความเห็นในเชิงบวกจากนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.08% ปิดที่ 388.56 จุด ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,445.21 จุด เพิ่มขึ้น 26.24 จุด หรือ +0.48%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,216.18 จุด เพิ่มขึ้น 53.07 จุด หรือ +0.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,382.10 จุด เพิ่มขึ้น 85.25 จุด หรือ +1.35%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 6% แล้วในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นที่ยังคงปรับตัวขึ้นน้อยในปีนี้ อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มการเดินทาง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐ
ตลาดได้แรงหนุนในสัปดาห์นี้ หลังจากไฟเซอร์ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐเปิดเผยว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพถึง 90%
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า สเปนซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดประเทศหนึ่งจากโรคโควิด-19 จะได้รับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ล็อตแรกในต้นปีหน้า และอิตาลีคาดว่าจะได้รับวัคซีน 3.4 ล้านช็อตในเดือนม.ค. 2564
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับนางลาการ์ดกล่าวว่าอีซีบีจะให้ความสำคัญกับการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินมากขึ้น รวมถึงการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารต่างๆ เมื่ออีซีบีจะพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ในเดือนหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ของแคปิตอล อีโคโนมิกส์กล่าวว่า นางลาการ์ดได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนจะไม่หยุดยั้งอีซีบีจากการผ่อนคลายนโยบายลงอีกในเดือนธ.ค."
หุ้น ไอเอจี ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 8.03%, หุ้นซาโนฟีของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 3.05% และหุ้นอินฟิเนียนของเยอรมนี ปรับตัว 2.41%