ราคาน้ำมันดิบโผล่ไปถึงระดับสูงสุดในรอบกว่าสามปีตามความต้องการเพิ่มมากขึ้น โดยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานระดับโลกได้เพิ่มขึ้นในช่วง 6 วันที่ผ่านมาและซื้อขายที่ 80 ดอลลาร์ ในส่วนของราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นเป็น 76 ดอลลาร์ นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าทึ่งเนื่องจากราคาตกลงไปติบลบ 38 ดอลลาร์ในปี 2020

มีหลายสาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประการแรกคือเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในอัตราที่ค่อนข้างเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการไว้ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้

ประการที่สอง นักวิเคราะห์เชื่อว่าความต้องการน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว ในรายงานล่าสุด สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) กล่าวว่าความต้องการน้ำมันรายวันจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดใหญ่อย่างมาก ในขณะเดียวกันองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) ก็ได้คาดการว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า 

ประการที่สาม ในขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้น การผลิตน้ำมันยังคงค่อนข้างต่ำ กลุ่ม OPEC ค่อยๆ ทยอยเพิ่มอุปทาน ซึ่งอาจนำไปสู่อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและอุปทานน้อยลง การเติบโตของการผลิตน้ำมันของสหรัฐค่อนข้างช้ากว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ 

คาดการณ์ราคาทางเทคนิค 

เร็วๆ นี้กราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ในช่วงขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ราคาพุ่งขึ้นมากกว่า 412% จากระดับต่ำสุดในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ราคาได้ขยับเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่ 71.25 ดอลลาร์และ 77.86 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในวันที่ 8 มีนาคมและ 6 กรกฎาคมตามลำดับ ราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วันและ 50 วัน ในขณะที่ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ได้ย้ายไปอยู่ที่ระดับซื้อมากเกินไป (Overbought) 

ดังนั้นหลังจากเกิดภาวะกระทิงแล้ว ราคาจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากตลาดในเชิงบวกได้ตั้งเป้าที่แนวต้านหลักถัดไปที่ 85 ดอลลาร์ มีโอกาสสูงที่ราคาจะสูงกว่า 100 ดอลลาร์ ในสิ้นปี มุมมองนี้จะถูกยกเลิกหากราคาขยับต่ำกว่า 70 ดอลลาร์อีกครั้ง