ราคาน้ำมันร่วงลงในเช้าวันพฤหัสบดีในเอเชีย โดยยังคงมีแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อมูลล่าสุดจาก EIA ออกมายืนยันว่าอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

.

โดยในด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ขยับลง 0.18% มาอยู่ที่ 77.95 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 00:05 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:05 น. GMT) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI ลดลง 0.03% มาอยู่ที่ 74.81 ดอลลาร์ 
.

หลังจากราคาร่วงติดกันสองวัน นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าอุปสรรคต่อไปที่ต้องเจอคือแนวต้านที่ $80 ที่ได้ทำจุดสูงสุดไว้ในรอบ 3 ปี โดย นักวิเคราะห์ของ StoneX โจเซฟเพอร์รีกล่าวกับรอยเตอร์ "น้ำมัน 80 ดอลลาร์ไม่ได้สูงเกินจริง"

.

ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่ามีการผลิตเพิ่มขึ้น 4.578 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 กันยายน และนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าจะดึงออกมาได้ 1.652 ล้านบาร์เรล ขณะที่รอบที่แล้วถูกดึงออกมา 3.481 ล้านบาร์เรล

.

ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบัน American Petroleum Institute ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันก่อน แสดงให้เห็นว่ามีการผลิตเพิ่มขึ้น 4.127 ล้านบาร์เรล ซึ่งการผลิตดังกล่าวเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ โดยช่วงที่เกิดพายุเฮอริเคนไอดส่งผลกระทบต่อพื้นที่อ่าวเม็กซิโกเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2564 ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

.

ในด้านการผลิต องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางว่าต้องรักษาข้อตกลงที่เพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนพฤศจิกายนในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 4 ต.ค. ให้ได้

.

ส่วนของเอเชียแปซิฟิก หลังวิกฤตด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับตลาดที่ยังคงมีอยู่ในประเทศจีนยังคงเป็นความกังวลต่อนักลงทุน นักวิเคราะห์กล่าวว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจต่างๆของผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน