DXY +0.04 แตะ 94.087 เช้านี้ หลังในวันศุกร์หุ้นปิดพุ่ง และตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ถึงแม้ว่าวันศุกร์ สกุลเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ตามการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
.
ในวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 482.54 จุด หรือ +1.43%, ดัชนี S&P500 ปิด +1.15% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.82% ขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นไปในเชิงบวก
.
ในด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 3.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.1991 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%
.
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.1 ในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 59.6 จากระดับ 59.9 ในเดือนส.ค.
.
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 72.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 70.3 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้
.
ในด้าน เมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ และบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
.
แม้ว่าปัจจัยต่างๆจะหนุน DXY แต่ในด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวปรับตัวลดลงในวันศุกร์ เนื่องจากเทรดเดอร์ปรับสถานะการลงทุนสำหรับไตรมาส 4 ของปี และแรงซื้อคืนพันธบัตรหลังจากการเทขายครั้งใหญ่รับผลการประชุมเฟด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง 5 bps สู่ระดับ 1.4771% กดดัน DXY
.
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง DXY +0.04 แตะ 94.087 เช้านี้ จากระดับ 94.012 ในวันศุกร์ อย่างไรก็ตามทิศทางกราฟวิ่งในลักษณะขาขึ้นชัดเจน แต่ถ้าหากกราฟสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 94.198 ได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 94.403
แนวต้านสำคัญ : 94.198 / 94.403
แนวรับสำคัญ : 93.993 / 93.902
.
