.

นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวในหมายเหตุว่า "ความเสี่ยงได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในการเติบโตทั่วโลก" แต่เสริมว่าขณะนี้นักลงทุนมุ่งเน้นไปที่การประชุม OPEC+ ที่จะถึงในวันจันทร์นี้ โดย OPEC+ ซึ่งจัดกลุ่มองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรรวมถึงรัสเซีย กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากบางประเทศให้ผลิตมากขึ้นเพื่อช่วยให้ราคาลดลง เนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง กลุ่ม OPEC+ ในเดือนกรกฎาคม 2564 ตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวันทุกเดือนจนถึงอย่างน้อยเมษายน 2565 เพื่อชดเชยการผลิตที่มีอยู่ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน

.

แหล่งข่าวของ OPEC กล่าวกับรอยเตอร์สว่า ผู้ผลิตกำลังพิจารณาเพิ่มอุปทานมากกว่าที่กำหนดไว้ในข้อตกลง  อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นจะะมีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากปริมาณการผลิตของเดือนตุลาคมได้สรุปไปแล้วในการประชุม OPEC+ ครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน

.

ราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 300% และซื้อขายที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้จำกัดการขาดทุนของน้ำมันบางส่วน การเพิ่มขึ้นนี้ยังทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบอื่น ๆ เพื่อผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ก๊าซ เช่นเดียวกับความต้องการทางอุตสาหกรรมอื่น ๆ

.

Fitch Solutions กล่าวในหมายเหตุว่า “การฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ล่าช้าหลังการเกิดวิกฤตโรคระบาด จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนด้านอุปสงค์ และจะทำให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมัน”