USD/JPY ฟื้นตัวกว่า 250 จุด หลังร่วงลง เนื่องจากติดแนวต้านที่จุดสูงสุดนับจาก 2018 ที่ระดับ 114.55 เทส Low ที่ 113.350 ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาที่ 113.594 ณ เวลาที่เขียน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี วานนี้ แตะที่ 94.588 หลังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า FED อาจลด QE ในเดือนหน้า
.
ในด้านคำสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนสิงหาคม โดยเน้นย้ำถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่องต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อผ่าวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่ของโคโรน่าไวรัส โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นคำสั่งซื้อหลัก ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่มีความผันผวนสูง และถือเป็นเครื่องบ่งชี้การใช้จ่ายด้านทุนในช่วง 6 ถึง 9 เดือนที่จะมาถึง ลดลง 2.4% ในเดือนสิงหาคมจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตที่ลดลงมากที่สุด ในรอบกว่าห้าปี การหดตัวเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 0.9% ของเดือนกรกฎาคม ขณะที่การสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์คาดการณ์ว่าการเติบโต 1.7%
.
Masato Koike นักเศรษฐศาสตร์จาก Dai-ichi Life Research Institute กล่าวว่า "รูปภาพดังกล่าวเป็น 'ผู้ผลิตที่แข็งแกร่งและผู้ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตที่อ่อนแอ' แต่ช่องว่างนั้นแคบลงโดย ภาคการผลิตที่เน้นการส่งออกต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไปจนถึงปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ในขณะที่ผู้ผลิตที่ไม่ใช่ผู้ผลิตที่เน้นการบริการมีเส้นทางที่ชัดเจนในการฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศดีขึ้น Koike กล่าวเสริม
.
หลังจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 1.9% ต่อปีในไตรมาสที่สอง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ของญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวหากไม่หดตัว
.
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง USD/JPY ฟื้นตัวกว่า 250 จุด จากระดับ 114.55 ลงมาเทส Low ที่ 113.350 ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาที่ 113.594 ณ เวลาที่เขียน โดยวิเคราะห์ภาพรวมใน th.H1 กราฟมีลักษณะเป็น Uptrend ที่ค่อนข้างชัน แสดงถึงความไม่แข็งแรงของเทรนด์ อย่างไรก็ตาม หากกราฟไม่สามารถเบรคเส้นเทรนด์ไลน์ ได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 113.787 และ 114.189 ตามลำดับ
แนวต้านสำคัญ : 113.787 / 114.189
แนวรับสำคัญ : 113.103 / 112.732
.
