ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์หลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และกรณีที่เพิ่มขึ้นของ COVID-19 ในยุโรป รัสเซีย และการระบาดของการติดเชื้อในจีนทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
.
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 94 เซนต์หรือ 1.1% สู่ 83.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในเวลา 0655 GMT โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ 82.32 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้และลดลง 2.1% ในช่วงก่อนหน้า
.
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันสหรัฐร่วงลง 89 เซนต์ หรือลดลง 1.1% ที่ 81.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์หลังจากร่วงลง 2.4% เมื่อวันพุธ
.
โดยการระบาดของการติดเชื้อ coronavirus ในประเทศจีนและการบันทึกการเสียชีวิตในรัสเซีย รวมถึงกรณีที่เพิ่มขึ้นในยุโรปตะวันตก ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลายสัปดาห์
.
“การเพิ่มขึ้นของกรณีของ COVID-19 ส่งผลเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน” Daniel Hynes นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ ANZ และ Soni Kumari กล่าวในรายงานฉบับใหม่เมื่อวันพฤหัสบดี
.
ในสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบกว่าสิบสองเดือนที่ผ่านมา(ไตรมาสมิถุนายน-กันยายน) ท่ามกลางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่ตึงเครียด และการขาดแคลนสินค้าทั่วโลก เช่น รถยนต์
.
กระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าสองเท่าของที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
.
ขณะเดียวกัน สต็อกน้ำมันเบนซินก็ลดลง 2 ล้านบาร์เรลสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบสี่ปี แม้ว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับราคาที่เพิ่มขึ้นเพื่อเติมน้ำมันในถังก็ตาม
.
ที่ศูนย์กลางการส่งมอบ WTI ใน Cushing รัฐโอคลาโฮมา การจัดเก็บน้ำมันดิบหมดไปมากที่สุดในรอบ 3 ปี โดยราคาสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีกำหนดระยะเวลานานกว่านั้น บ่งชี้ว่าอุปทานจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลาหลายเดือน