ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯซื้อขายใกล้กับระดับสูงสุดในปี 2564 ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีหลังจากการเปิดเผยรายงานอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ในขณะที่เขียนดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ซื้อขายที่ประมาณ 94.91

ดัชนี CPI ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็น 6.2% ในเดือนตุลาคม ถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษ และมาแรงกว่าที่มีการประกาศ 5.4% ในเดือนก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายเดือน CPI เพิ่มขึ้น 0.9%  ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% 

การประกาศค่าเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาดไว้ผลักดันให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและส่งสกุลเงินหลักอื่น ๆ เป็นขาลง ทำให้ EUR/USD ร่วงลง 1% และร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 ในขณะเดียวกัน GBP/USD ลดลง 1.2% เป็น ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2020 ขณะที่ USD/JPY มีการแข็งค่าขึ้น 0.8%

ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นยังส่งผลกระทบต่อสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ดัชนีสกุลเงิน EM ของ MSCI ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความคาดหวังให้เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางแผนไว้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเคยปฏิเสธไปแล้วก็ตาม

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสสูงที่จะเข้าแทรกแซงในกรณีที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 95 ที่สำคัญเนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและป้องกันไม่ให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ อ่อนตัวลงเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น