ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังความกังวลด้านผลกระทบของโอไมครอนผ่อนคลายลง แม้ว่ารัฐบาลบางแห่งจะยกระดับมาตรการเพื่อหยุดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 52 เซนต์หรือ 0.7% เป็น 72.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ 0455 GMT เพิ่มขึ้น 0.4% ในช่วงก่อนหน้า

.

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 40 เซนต์หรือ 0.5% สู่ระดับ 76.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นในทำนองเดียวกันในวันพุธ

.

ตลาดได้รับแรงหนุนจากความคิดเห็นจาก BioNTech และPfizer (NYSE: PFE ) ว่าวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 อาจป้องกันการติดเชื้อจาก Omicron ได้

.

Vivek Dhar นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Commonwealth Bank กล่าวในหมายเหตุว่า "สัญญาณบ่งชี้ในช่วงต้น Omicron ชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะรุนแรงน้อยกว่าสายพันธ์เดลตา เนื่องจากอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลยังไม่เพิ่มขึ้น

.

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของตลาดถูกสกัด เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการล็อคดาวน์เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของ Omicron รวมถึงอังกฤษที่สั่งให้คนทำงานจากที่บ้านอีกครั้ง( Work From Home), เดนมาร์กปิดร้านอาหาร บาร์ และโรงเรียน และจีนหยุดการเดินทางทุกช่องทางจากกวางตุ้ง

.

เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้นในสิงคโปร์และออสเตรเลีย

.

นักวิเคราะห์ของ ANZ ระบุในหมายเหตุว่า "ความเสี่ยงต่ออุปสงค์ไม่ได้ลดลงอย่างสิ้นเชิง การระบาดของ Omicron ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 16% ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค. แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าการฟื้นตัวของราคาอาจถูกจำกัด จนกว่าผลกระทบของ Omicron จะชัดเจนขึ้น

.

Wang Xiao หัวหน้านักวิจัยของ Guotai Junan Futures กล่าวว่า "ราคาตลาดที่ชะงักบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังดิ้นรนเพื่อหาทิศทาง" และชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานโดยกลุ่มผู้ผลิต OPEC+ ซึ่งกลุ่ม OPEC และพันธมิตรรวมถึงรัสเซีย

.

พายุฤดูหนาวช่วงต้นฤดูหนาวทางตอนใต้ของรัสเซียขัดขวางการดำเนินงานด้านน้ำมันในท่าเรือทะเลดำ ทำให้สินค้าล่าช้าและต้นทุนที่สูงขึ้น

.

Craig Erlam นักวิเคราะห์ของ OANDA กล่าวว่า Brent มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับแนวต้านบริเวณด้านล่างสุดของช่วง 76.50-77.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่สำคัญในช่วงปลายเดือนกันยายนและปลายเดือนพฤศจิกายน