คู่ ETH/USD ปิดที่ 3,979.47 ดอลลาร์หลังจากขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 4,072.10 ดอลลาร์และจุดต่ำสุดที่ระดับ 3,943.62 ดอลลาร์ โดย ETH/USD กลับทิศทางและลดลงในวันพุธหลังจากเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากแนวโน้มที่กำหนดโดยสกุลเงินดิจิตอลชั้นนำ

Jack Dorsey ซีอีโอของ Square และอดีต CEO ของ Twitter หนึ่งในผู้สนับสนุน BTC ที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้ให้เหตุผลที่ไม่สนับสนุน Ethereum และบล็อคเชนอื่น ๆ ซึ่งเคยกล่าวว่าเขาจะปล่อยให้ทั้งสองบริษัททำงานเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลหลัก หาก BTC ต้องการ กล่าวว่าผู้คนควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น เช่น Bitcoin ไม่ใช่ Ethereum หรือบล็อคเชนอื่น ๆ ที่บุคคลหรือองค์กรควบคุม

ผู้ใช้ Twitter ขอให้ Dorsey สนับสนุน Ethereum และบล็อคเชนอื่น ๆ และเพื่อตอบสนองต่อทวีตของเขา Dorsey กล่าวว่าสิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับพลังงานในเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นอย่างแท้จริงซึ่งเป็นของผู้คนจำนวนมาก ไม่ใช่ของบุคคลและสถาบัน ความคิดเห็นนี้แสดงถึงความเชื่อมั่นของ Dorsey ใน Ethereum และกดดันคู่ ETH/USD

ในขณะเดียวกัน สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 คือ Ethereum ตามมาด้วยสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำ Bitcoin และร่วงลงในวันพุธ Bitcoin ร่วงลงเพราะความคิดเห็นเชิงลบของนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง Eswar Prasad ตามที่เขาพูด ในที่สุด bitcoin จะสูญเสียมูลค่าของมันเนื่องจากมันไม่มีประสิทธิภาพและมีกลไกการทำลายสิ่งแวดล้อม BTC ติดตามความคิดเห็นเชิงลบเหล่านี้และลดลงในวันพุธเนื่องจากไม่มีปัจจัยพื้นฐานหลายอย่างทำให้สภาวะของตลาดทั้งหมดไปสู่ขาลง

แนวรับ - แนวต้านรายวัน

3924.70 , 4053.18 / 3869.92 , 4126.88 / 3796.22 , 4181.66

จุดหมุน: 3998.40

Ethereum พยายามฝ่าแนวต้านที่ 4,020 ดอลลาร์และ 4,050 ดอลลาร์ โดย ETH/USD ได้ทะลุระดับ 4,050 ดอลลาร์ และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 ต่อชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเคลื่อนไหวขึ้นเหนือระดับ 4,075 ดอลลาร์ โดยจุดสูงสุดเกิดขึ้นใกล้ระดับ 4,075 ดอลลาร์และราคาเริ่มลดลงต่ำกว่าระดับแนวรับที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ ETH ร่วงลงต่ำกว่าระดับ Fib retracement 23.6% ของแนวโน้มขาขึ้นจากระดับต่ำสุดที่แกว่งตัวบริเวณ 3,750 ดอลลาร์เป็นระดับสูงสุด 4,075 ดอลลาร์

หากแนวโน้มขาขึ้นใหม่เหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ยังไม่เริ่มต้นซึ่งก็อาจมีแนวโน้มจะลดลงต่อไป 

ระดับ Fib retracement 50% ของการเคลื่อนไหวขึ้นจากระดับ 3,750 ดอลลาร์ แกว่งตัวไปที่ระดับ 4,075 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดสูงสุด การทะลุระดับต่ำกว่า 3,920 ดอลลาร์และ 3,900 ดอลลาร์ แนวโน้มด้านลบอาจทำให้เกิดการตกต่ำครั้งใหม่ในระยะอันใกล้