ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายนของวันก่อนหน้าในช่วงขาขึ้น 2 วัน โดยได้รับปัจจัยบวกจากองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ รวมถึงการพุ่งขึ้นการจับสลาก API อย่างไรก็ตามควรสังเกตว่ายังต้องให้ความสนใจก่อนการประชุมการเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน ADP ของสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคมและรายงานการประชุมคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐ (FOMC) ที่จะมีข้อมูลสินค้าคงคลังอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา (EIA) สำรวจตลาดแนวโน้มขาขึ้นของน้ำมัน

ที่กล่าวว่าตัวเลขสินค้าคงคลังอุตสาหกรรมล่าสุดจาก American Petroleum Institute (API) ลดลงมากกว่าเท่าตัวของ 3.09 ล้านครั้งก่อนหน้าเป็น -6.432 ล้านในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม

ในอีกหน้าหนึ่ง กลุ่ม OPEC จับคู่ความคาดหวังของตลาดในวงกว้างเพื่อเดินหน้าด้วยการเพิ่มผลผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน CNBC ระบุหลังคำตัดสินของ CNBC ว่า “ตลาดน้ำมันโลกคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มการเมืองทางการเมืองในปี 2565 โดยมีความกังวลจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อและการเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังดำเนินอยู่ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะถูกติดตามอย่างใกล้ชิดโดย OPEC+” CNBC กล่าวหลังคำตัดสิน

ที่อื่นๆ ดัชนี PMI ด้านการผลิตของ ISM ของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนธันวาคม โดยอยู่ที่ 58.7 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ 60.0 และ 61.1 ก่อนหน้า ขณะที่ตำแหน่งงานว่างของ JOLTS ในเดือนพฤศจิกายนนั้นต่ำกว่าการอ่านก่อนหน้าที่ปรับปรุงขึ้นที่ 11.091 ล้านเป็น 10.562 ล้าน

ข้อมูลที่ตกต่ำของสหรัฐฯ ประกอบกับความเชื่อมั่นของตลาดที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความหวังที่จะแพร่เชื้อไวรัสที่รุนแรงน้อยลง ประกอบกับการคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ตกต่ำเพื่อสำรวจค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อน้ำมันในวันก่อนหน้า การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อจุดคุ้มทุน 10 ปีจากธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์ (FRED) ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เป็น 2.57% อย่างช้าที่สุด ซึ่งทำให้ผู้พูดคุยขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดเชื่องช้า

ที่กล่าวว่าข้อมูลของสหรัฐและตัวเร่งปฏิกิริยาความเสี่ยงมีแนวโน้มที่จะชี้นำการเคลื่อนไหวของน้ำมันในระยะสั้น แม้ว่ารายงานการประชุม ADP และ FOMC ของสหรัฐฯ จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับทิศทางที่ชัดเจน แต่สิ่งพิมพ์รายสัปดาห์ของการเปลี่ยนแปลงสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ -3.4 ล้านเทียบกับ -3.576 ล้านก่อนหน้านั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

แม้ว่าเงื่อนไข RSI จะท้าทายมากขึ้น แต่ WTI ในตลาดขาขึ้นยังคงมีความหวังจนกว่าจะเห็นข้อเสียที่ชัดเจนผ่านระดับ 100-DMA ที่ 74.55 ดอลลาร์ อีกทางหนึ่งคือแกว่งขึ้นแตะระดับสูงสุดปลายเดือนพฤศจิกายนที่ใกล้ 79.00 ดอลลาร์และเกณฑ์ 80.00 ดอลลาร์จะจำกัดการก้าวหน้าในระยะสั้น

ราคาปิดรายวัน 76.9

การเปลี่ยนแปลงรายวัน 1.08

การเปลี่ยนแปลงรายวัน % 1.42%

ราคาเปิดรายวัน 75.82

SMA20 . รายวัน 72.82

SMA50 . รายวัน 75.38

SMA100 . รายวัน 74.32

SMA200 . รายวัน 70.92