ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อคืน หลังจากร่วงลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% สู่ระดับ 90.0200 ยกตัวอย่างดอลลาร์กับค่าเงินในแต่ละประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.30 เยน จากระดับ 103.10 เยน และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2787 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2727 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.8838 ฟรังก์สวิส จาก 0.8849 ฟรังก์สวิส และยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2241 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2264 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.32506 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3574 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7613 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ แต่เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ ดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสกุลเงินปลอดภัยดิ่งลง 1% โดยนักลงทุนขายดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสกุลเงินปลอดภัยหลังได้แรงหนุนจากหลายปัจจัยซึ่งได้แก่ ความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ, การที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (อียู) มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงการค้า รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านทางการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร ท่ามกลางความกังวลที่ว่า อังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)