ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.69% ปิดที่ 94.987 หลังจากข้อมูลซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคของสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. แต่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าว
.
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และพุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 1982 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
.
ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4% และดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
.
นักลงทุนจับตาธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง JPMorgan ที่ได้ออกมาเปิดเผยถึงมุมมองว่า FED จะต้องขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งภายในปีนี้ และ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ อาจจะพุ่งสูงถึง 3% ขณะที่ FED อาจต้องปล่อยให้ตลาดหุ้นปรับฐาน 15-30% หากต้องการควบคุมเงินเฟ้อ
.
นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมว่าระดับการซื้อขาย Bond Yield พื้นฐาน (The baseline trading range) นั้นอยู่ในช่วง 1.875-2.375% ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าสูงกว่าระดับ Bond Yield ในปัจจุบันเสียอีก (ล่าสุด Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 1.73%) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
.
นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อจะยิ่งเพิ่มความอันตราย และตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างชาติที่พัฒนาแล้วและชาติที่กำลังพัฒนา
.
อย่างไรก็ตามแม้ปัจจัยต่างๆจะกดดันดัชนีดอลลาร์ แต่ในด้านดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 38.30 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี S&P500 ปิด +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.23% โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดจะไม่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถูกกดดันให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
.
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลง 0.69% แตะที่ 94.987 เมื่อคืนนี้ และปัจจุบันได้เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณระดับ 94.967 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตามทิศทางกราฟมีลักษณะเป็น SidewayDown ที่วิ่งในกรอบระดับ 96.915 ถึง 94.857 ซึ่งตอนนี้แรง Sell ยังคงมีปริมาณสูง (ดูจากการปิดแท่งราคาแดงและ MACD ยังอยู่ในโซนต่ำกว่า 0 ) หากกราฟไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือแนวต้านที่ระดับ 95.228 ได้ ก็มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ 94.857 / 94.614 ตามลำดับ
แนวต้านสำคัญ : 95.228 / 95.524
แนวรับสำคัญ : 94.857 / 94.614
.
Updated
2 years ago
(Jan 13, 2022 09:59)