น้ำมันดิบ WTI กำลังแสดงสัญญาณของภาวะตลาดขาขึ้นในช่วงเช้าของวันพุธ เนื่องจากผู้ค้ายังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งรักษาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไว้ได้แม้ว่าจะมีการแพร่กระจายของโควิด 19 ไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง น้ำมันดิบ WTI ซื้อขายที่ประมาณ 85.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 2.75% ในช่วงก่อนหน้าจากความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในยุโรปตะวันออก นักลงทุนกังวลว่าอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวในตลาดต่างประเทศประกอบกับสินค้าคงเหลือที่ต่ำอาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สามารถประมูลได้ดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในขณะเดียวกันความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งทางอาวุธจะปะทุขึ้นอาจทำให้ตลาดน้ำมันตึงตัวมากขึ้น ทำให้ราคาสูงขึ้นแม้ว่าตลาดโลกจะไม่ชอบความเสี่ยงก็ตาม

ฝ่ายบริหารของไบเดนได้เปลี่ยนเส้นทางทหารแล้ว 8,500 นายซึ่งประจำการทั่วยุโรปตะวันตกใกล้กับภูมิภาคนี้มากขึ้น และเตรียมที่จะปรับใช้พวกเขาหากความตึงเครียดเพิ่มขึ้นตามแนวชายแดน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการโอนเสบียงน้ำมันไปยังยุโรปจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำของโลก ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางทหาร ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นอีกและทำให้น้ำมันดิบอยู่ในสภาวะขาขึ้น

นอกจากนี้ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยังมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน หากพวกเขาล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลง อุปทานน้ำมันอาจยังคงตึงตัวได้นานขึ้น เนื่องจากโลกต้องรอนานขึ้นกว่าที่ชาติตะวันตกจะยกเลิกการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน

น้ำมัน WTI ยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสต็อกน้ำมันดิบในเมือง Cushing รัฐโอคลาโฮมาร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษในช่วงเวลานี้ของปี รายงาน API ที่เผยแพร่ในเซสชั่นก่อนหน้าเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาลดลง 872,000 บาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งลดลงอย่างรุนแรงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล