ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดีหลังจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แย่กว่าคาดและแรงเทขายจากนักลงทุนบางส่วน ขณะที่ยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัว เนื่องจาก OPEC+ ยังคงเพิ่มผลผลิตในระดับปานกลางตามแผนที่วางไว้
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ร่วงลง 17 เซนต์หรือ 0.2% สู่ 89.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในเวลา 0420 GMT หลังจากเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ในวันพุธ ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐลดลง 31 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 87.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ในวันก่อนหน้า
Howie Lee นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC ในสิงคโปร์ กล่าวว่า "การลดลงของวันนี้อาจเป็นผลมาจากการประกาศตัวเลขจาก ADP อัตราจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่เกินคาด แต่เราเชื่อว่าอุปทานที่บีบตัวอาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นตลอดทั้งปี"
การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีในเดือนม.ค. เพิ่มความเสี่ยงที่การจ้างงานจะลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม อุปทานทั่วโลกที่ตึงตัวและความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางได้หนุนราคาน้ำมันรีบาวน์ขึ้นประมาณ 15% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 89.72 ดอลลาร์ในวันพุธ และเบรนต์แตะระดับ 91.70 ดอลลาร์ในวันศุกร์
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ถูกกดดันเช่นกันเมื่อวันพุธ หลังจากที่รัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่านกล่าวว่าประเทศพร้อมที่จะกลับสู่ตลาดน้ำมันโดยเร็วที่สุด
องค์การของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซียหรือที่รู้จักในชื่อ OPEC+ ได้ตกลงเมื่อวันพุธที่จะให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในระดับปานกลางที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd)
คณะกรรมการด้านเทคนิคร่วมของ OPEC+ กล่าวในรายงานว่าคาดว่าการเกินดุลโดยรวมในปี 2565 จะสูงถึง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเล็กน้อย
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (US Energy Information Administration) กล่าวเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้ากลั่นก็ลดลงตามอุปสงค์ที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก [EIA/S]
กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุ โดยคาดว่าพายุฤดูหนาวครั้งใหญ่จะพัดถล่มพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคกลางของสหรัฐฯ และแผ่ขยายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีหิมะตกหนัก ฝนเยือกแข็ง และน้ำแข็ง พายุดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพายุฤดูหนาวพัดถล่มร้ายแรงและอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบางภูมิภาคทดแทนก๊าซธรรมชาติที่อุปทานอาจขาดแคลน
Updated
2 years ago
(Feb 03, 2022 17:08)