“ราคาทองคำสัปดาห์หน้าปรับขึ้น เนื่องจากแรงหนุนของผลเจรจารัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ขณะที่กองทุนเอสพีดีอาร์ตุนทองคำเพิ่มมากกว่า 100ตัน เตือนระวังเฟดขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อเป็นปัจจัยฉุดทองคำร่วง”
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มทิศทางทองคำสัปดาห์หน้าแกว่งไซด์เวย์อัพ หลังผลการเจรจารัสเซีย-ยูเครนยังไร้ข้อสรุปและไม่มีความคืบหน้าชัดเจนเป็นปัจจัยหนุน หากไม่หลุด 1,920 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปต่อ และมีโอกาสดีดตัวแตะที่ระดับ 1,975-2,000ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองแท่งขายบาทละ 31,300-31,600บาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.50บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)
ทั้งนี้หากหลุด 1,290ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือราคาในประเทศแตะ 30,400บาท ให้ชะลอการเข้าซื้อรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งหากราคาปรับขึ้นแนะนำให้ขายออกมาบางส่วนทำกำไรก่อน และเมื่อราคาลงค่อยกลับเข้าไปซื้อใหม่ โดยที่ผ่านมากองทุนทองคำเอสพีดีอาร์มีการถือทองคำเพิ่มมากกว่า 100ตัน เป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.และมิ.ย.นี้ ตลาดคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐหรือบอนด์ยิลด์ 10ปี จะพุ่งขึ้น ทำให้ราคาทองคำร่วงลงได้
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้านอกจากรัสเซีย-ยูเครนแล้วจะเป็นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรถ้าดีกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าคงดอกเบี้ย 0.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางและอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ยกเว้นว่าหลังเปิดประเทศแล้วรายได้จากท่องเที่ยวกลับมาจะช่วยให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และเงินเฟ้อของไทยยังขึ้นน้อยหากเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว