ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงต่ำกว่า $100 หลังจากที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ยินดีกับการประกาศสงบศึกโดย Hans Grundberg ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติ (UN)

หลังจากที่มีประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารที่ชายแดนซาอุดิอาระเบีย-เยเมน ที่มีความขัดแย้งกันมายาวนานกว่า 7 ปี ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ร่วงต่ำลง เนื่องจากการประกาศสงบศึกในครั้งนี้อาจสามารถลดความกังวลด้านอุปทานลงได้ นอกจากนี้ จะมีการอนุญาตให้นำเข้าเชื้อเพลิงในพื้นที่ของ Houthi ได้อีกด้วย

ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการประกาศสงบศึกในครั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้เผชิญหน้ากับการถูกเทขายอย่างมหาศาล เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศปล่อยน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 6 เดือน จากคลังน้ำมันสำรองปิโตรเลียมเชิงกลยุทธ์ (SPR) รวมปริมาณทั้งหมดที่จะปล่อยคือ 180 ล้านบาร์เรล ซึ่งการปล่อยน้ำมันดังกล่าว จะเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม และการปล่อยน้ำมันครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า การปล่อยน้ำมันจำนวน 180 ล้านบาร์เรลนั้น เทียบเท่ากับความต้องการน้ำมันของคนทั่วโลก 2 วัน 

ในขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ก็ปรับตัวสูงขึ้นจากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ที่ระดับ 3.6% นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ซึ่งตัวเลขการวว่างงานนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังกลับสู่ระดับเดิม ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จึงได้ตั้งเป้าหมายว่าอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ จะต้องอยู่ในจุด 50 bps หลังจากมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี นอกจากประกาศสงบศึกซาอุดิอาระเบีย-เยเมน และการปล่อยน้ำมันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจและติดตามคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ WTI ได้เช่นกัน