เมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์คในวันจันทร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีความแข็งค่า สาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
อีกทั้ง เมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้นถึง 0.37% แตะที่ 99.00 ซึ่งดัชนีดอลลาร์นี้เป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ในขณะเดียวกัน นักลงทุนทั่วโลกต่างพากันจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลาง (FED) ประจำเดือนมีนาคม ที่จะมีการเปิดเผยวันพุธที่จะถึงนี้
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 122.82 เยน จากระดับ 122.61 เยน
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9262 ฟรังก์ จากระดับ 0.9254 ฟรังก์
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2485 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2510 ดอลลาร์แคนาดา
- ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0975 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1042 ดอลลาร์
- เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3116 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3105 ดอลลาร์
- ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7497 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุดมีการระบุว่า ทางการยูเครนได้พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งในเมืองบูชาและทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
ซึ่งการกระทำที่รุนแรงของรัสเซียเช่นนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในยูเครน นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศอังกฤษ ออกมากล่าวเรียกร้องให้มีการระงับสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
อีกทั้ง ผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมาประกาศว่า สหรัฐฯ เตรียมคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อนำผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงครามอีกด้วย
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน นักลงทุนควรจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่จะถึงนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น ดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีภาคการผลิตเดือนมีนาคมจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐอเมริกา และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์