วันศุกร์ ทองปิดบวกกว่า $6 หลังตัวเลข NFP ออกมา “ดีเกินคาด” แต่ในด้านอัตราการว่างงาน รวมทั้งรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ออกมา "แย่เกินคาด" กดดันดอลลาร์ร่วงจาก High รอบ 20 ปี หนุนทองฟื้นตัวกว่า 2,600 จุด จาก Low 1,866 เทส High $1,892 ก่อนจะเปิดตลาดด้วยแรงเทขายทำกำไร ฉุดทองร่วงสู่ Low $1,873 และได้ทรงตัวอยู่บริเวณ $1,876 ณ เวลาที่เขียน
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
นาย Francois Villeroy de Galhau ประธานธนาคารกลางฝรั่งเศส กล่าวถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Rate) ให้กลับมาอยู่ในแดนบวกในปีนี้ พร้อมหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2022
นายโรเบิร์ต โฮลซ์มันน์ ผู้กำหนดนโยบายสายเหยี่ยวจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Salzburger Nachrichten ว่า ECB ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2-3 ครั้งในปีนี้เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
วันศุกร์ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.03% สู่ระดับ 1.0547 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความเห็นที่ในเชิง Hawkish จากเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
วันศุกร์ ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.17% แตะที่ 103.732 ร่วงลงจากระดับ 104.061 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2002 (ร่วงจาก High ในรอบ 20 ปี) หลังตัวเลขอัตราการว่างงานและตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ออกมา “แย่เกินคาด”
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ประกาศในวันศุกร์ (6 พ.ค.) ที่จะส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธครั้งใหม่วงเงิน 150 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนเพื่อใช้ในการขับไล่การรุกรานของรัสเซีย
รัสเซียได้ซ้อมการสวนสนามในกรุงมอสโก เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 9 พ.ค. โดยกองทัพรัสเซียได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เฮลิคอปเตอร์, เครื่องบินขับไล่, ปืนใหญ่ และขีปนาวุธนำวิถี มาร่วมซ้อมการสวนสนาม
ดาวโจนส์ มาร์เก็ต ดาต้าระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกันแล้ว ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2012 และดัชนี S&P500 ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 นานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2011
วันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.30%, ดัชนี S&P500 ปิด -0.57% และดัชนี Nasdaq ปิด -1.40% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อ สกัดกั้นเงินเฟ้อ
บิตคอยน์ร่วงลง 3.48% แตะที่ระดับ 34,200.64 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) จะฉุดสภาพคล่องในตลาด
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะหนุนทองคำ แต่ในด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือน เม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 400,000 ตำแหน่ง
วันศุกร์ บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.121% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2018 ขานรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นายนีล คัชคารี ประธานเฟดมินนิอาโปลิสกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า "เฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจังมากขึ้น และพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากปัญหาห่วงโซ่อุปทานไม่บรรเทาเบาบางลง" พร้อมย้ำว่า "ผู้กำหนดนโยบายกำลังจับตามองว่าจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหนือระดับที่เป็นกลางอีกมากเพียงใด"
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า สะพานเชื่อมกับรัสเซียยังคงไม่ได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง โดยช่องทางการเจรจายังคงเปิดกว้างอยู่
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ยืนยันว่า รัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ความรุนแรงของสงคราม และทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ
Source: CNBC, SPDR, Kitco, Investing, Infoquest, Reuters, Bloomberg, Fxstreet
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง วันศุกร์ ทองฟื้นตัวกว่า 2,600 จุด จาก Low 1,866 เทส High $1,892 และปิดตลาดบวกกว่า $6 ก่อนจะเปิดตลาดในวันจันทร์ ด้วยแรงเทขายทำกำไร ฉุดทองร่วงสู่ Low $1,873 โดยปัจจุบันได้ทรงตัวอยู่บริเวณ $1,876 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ ทองคำวิ่งในแนวโน้มขาลง (Downtrend) หากพิจารณาจากการที่กราฟยังวิ่งอยู่ใต้เส้นเทรนด์ไลน์สีชมพู รวมถึงการที่กราฟวิ่งต่ำกว่าเส้น EMA100 และ EMA200 ซึ่งแน่นอนว่าแนวโน้มระยะสั้นฝั่ง Sell มีความได้เปรียบสูงมาก อย่างไรก็ดี กราฟมีโอกาสกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญ รวมทั้ง Re-Test แนวของเส้นเทรนไลน์สีชมพูอีกครั้ง ที่โซน $1,892-$1,915 (เนื่องจากปริมาณแรง Buy the Dip ที่ยังคงมีอยู่ในตลาด) ซึ่งโซนนี้สามารถเข้า Sell ได้ โดยหากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน และเส้นเทรนด์ไลน์ดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวลงต่อ และร่วงลงมาทดสอบแนวรับที่ $1,867 / $1,858 / $1,846 ตามลำดับ (Demand Zone นี้ สามารถ Buy ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถยืนเหนือได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,892 / $1,904 / $1,915 ตามลำดับ (Supply Zone นี้ สามารถ Sell ได้) อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ
แนวต้านสำคัญ: 1,892 / 1,904 / 1,915
แนวรับสำคัญ: 1,867 / 1,858 / 1,846
Updated
2 years ago
(May 09, 2022 10:43)