วันนี้ (17 พฤษภาคม 65) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/65 อยู่ที่ระดับ 2.2% ขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และขยายตัวได้ 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น จากมาตรการการผ่อนคลายการล็อกดาวน์โควิด
ตัวเลข GDP ไตรมาสนี้ ในส่วนของการบริโภคเอกชน ขยายตัวได้ 3.9% การอุปโภคบริโภคภาครัฐ ขยายตัวได้ 4.6% และการส่งออกสินค้า ขยายตัวได้ 10.2% ขณะที่การก่อสร้าง ปรับลดลงอยู่ที่ระดับ -5.5%
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจัยความเสี่ยงในช่วงนี้ ทั้งปัญหาความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก เพราะมีผลต่อพลังงาน และการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ย และข้าวสาลี ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าดังกล่าวปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจของยูโรโซน และนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ สศช. ได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลง จาก 3.5-4.5% มาอยู่ที่ 2.5-3.5% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ จาก 1.5-2.5% เป็น 4.2-5.2%
นอกจากนี้ สศช. ยังคาดว่า หลังจากผ่านช่วงผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โควิดแล้ว การส่งออก และการท่องเที่ยว จะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจไทยต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงเหล่านี้อาจจะทำให้ตลาดค่าเงินและการลงทุนเริ่มกลับมามีแรงหนุนขึ้นบ้างอีกครั้ง
