ช่วงคืนที่ผ่านมา (18 พฤษภาคม 65) นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาแถลงถึงความต้องการอันแน่วแน่ที่จะใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่ามันอาจจะเกินระดับความเข้าใจในวงกว้าง แต่เฟดจะไม่ลังเลที่จะทำ หากมันสามารถช่วยลดระดับเงินเฟ้อ และทำให้สถานภาพทางการเงินของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ดังนั้น เฟดจะเดินหน้าใช้นโยบายดังกล่าวต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เฟดได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งนับเป็นการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปี 65 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และภายหลังจากที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รอบเดือนเมษายน ถูกประกาศออกมา พาวเวลล์ ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงคืนที่ผ่านมา กับทาง The Wall Street Journal
ในการสัมภาษณ์ พาวเวลล์ เผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายทางการเงิน (FOMC) ของเฟดที่เหลืออยู่ในปีนี้ ตราบใดที่สภาพเศรษฐกิจยังคงใกล้เคียงกับที่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเขาให้สัญญาว่า จะพยายามปรับลดอัตราเงินเฟ้อให้แตะระดับเป้าหมายที่ 2% แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจส่งผลกระทบทำให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 3.6% ซึ่งอยู่เหนือระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรศที่ 1960 ก็ตาม
นอกจากนี้ พาวเวลล์ ยังได้แสดงความหวังว่า เฟดจะสามารถบรรลุเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย โดยไม่ต้องแลกกับการชะลอตัว และความโกลาหลทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน เขาก็เข้าใจดีว่า การฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเงินครั้งนี้จำเป็นต้องแลกกับความเจ็บปวดบางประการบ้าง อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หดตัวลงนั้น มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งปัญหาห่วงโซ่อุปทาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ถ้อยแถลงที่ถูกประกาศออกมาของเฟดในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจจะทำให้ตลาดเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวัง และปิดรับความเสี่ยงต่อไป ดังนั้น นักลงทุนจึงควรปรับแผนการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมกับตนเอง รวมถึงเฝ้าติดตามข่าวสารอยู่เสมอ
Updated
2 years ago
(May 18, 2022 10:52)
