เมื่อวานนี้ (18 พฤษภาคม 65) หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ เร่งเพิ่มการผลิต เพื่อรับมือกับสต็อกที่ลดลงจนอาจก่อให้เกิดวิกฤติ ประกอบกับตลาดน้ำมันปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเงินเฟ้อ ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ต่อจากวันอังคาร (17 พฤษภาคม 65) ที่ผ่านมา
โดยในส่วนของสัญญาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตัว ต่างมีการปรับตัวลดลง ดังนี้
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) รอบส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.81 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 109.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) รอบส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 2.82 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 109.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยการร่วงของสัญญาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ มีสาเหตุมาจากข่าวโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ต่างก็เร่งเพิ่มการผลิตน้ำมัน เพื่อรับมือกับสต็อกเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างมาก โดยรายละเอียดข่าวได้ชี้ให้เห็นว่า ขณะนี้ศักยภาพการกลั่นน้ำมันในเขตอีสต์โคสต์และกัลฟ์โคสต์ อยู่เหนือระดับ 95% นั่นเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า บรรดาโรงกลั่นได้ดำเนินการผลิตใกล้ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่จะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล อีกทั้ง สต็อกน้ำมันเบนซิน ยังลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า จะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้นักลงทุนต่างจับตามองความคืบหน้าเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานของสหรัฐฯ ต่อเวเนซุเอลา มากขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายดังกล่าวครอบคลุมถึงการอนุญาตให้บริษัทเชฟรอน คอร์ป สามารถเจรจาโดยตรงกับบริษัท PDVSA ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลาได้
อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องจับตามองท่าทีและความคืบหน้าของการผ่อนคลายมาตรการการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อไป อีกทั้ง ยังต้องติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่อาจเข้ามาเป็นปัจจัยร่วมได้
Updated
2 years ago
(May 19, 2022 11:09)