ในช่วงปลายสัปดาห์ (20 พฤษภาคม 65) ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งนับว่า นี่เป็นการร่วงลงต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 21 ปี ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เตรียมเข้าสู่ภาวะตลาดหมี
3 ดัชนี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ดัชนี DOW JONES ร่วงลง 13.97% ดัชนี S&P500 ร่วงลง 18.14% และดัชนี NASDAQ ที่ร่วงลงมากที่สุดถึง 27.42% หรือประมาณ 1 ใน 4 ส่วน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวลดลงในครั้งนี้ เป็นการร่วงลงทั้งตลาด ทั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และสินค้าจำเป็น
ในด้านปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลง ประกอบด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอก อาทิ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ปัญหาเงินเฟ้อ การดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปัญหาความรุนแรงในสงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัจจัยรายย่อยอื่น ๆ ที่เข้ามา
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เหล่านักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญ ออกมาคาดการณ์ถึงแนวโน้มของตลาดในอนาคต โดยบางส่วน คาดว่า ตลาดหุ้นจะมีการชะลอตัวลง ขณะที่อีกส่วน คาดว่า ตลาดหุ้นในช่วงปลายปีจะมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มีความคล้ายคลึงกับปี 52 และปี 61
ด้วยเหตุที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงกว่า 20% ทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) โดยเริ่มจากดัชนี NASDAQ ส่วนดัชนี S&P500 และดัชนี DOW JONES กำลังอยู่ในช่วงเตรียมเข้าสู่ภาวะตลาดหมีตามลำดับ ซึ่งจากสถิติ ตลาดสหรัฐฯ มีการเข้าสู่ช่วงตลาดหมี โดยเฉลี่ยประมาณ 5 เดือน
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างเฝ้าจับตาการรับมือเงินเฟ้อของเฟด เนื่องจากกังวลว่า นโยบายทางการเงินของเฟดจะไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ และมันจะสร้างปัญหาหลายชั้นให้แก่สหรัฐฯ ในระยะยาวต่อไป
ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงตลาดหมี นักลงทุนจึงควรมีความระมัดระวังในการลงทุน ทำการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์แต่ละประเภท เนื่องจาก เหล่านักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญ ต่างยังไม่สามารถหาข้อสรุปของแนวโน้มตลาดได้ แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องรอจับตาผลการดำเนินงานในช่วงปลายปีต่อไป
Updated
2 years ago
(May 23, 2022 12:24)
