หมีตบคว่ำ!!! ทองคำ ดิ่งกว่า 7,000 จุด จาก High $1,879 สู่ Low $1,809 หลังคาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 75 bps‼️ หนุนดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 105 ด้านบอนด์ยีลด์พุ่งทดสอบที่ 3.44% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคา ทองคำ ได้ฟื้นตัวมาที่ $1,826 ณ เวลาที่เขียน

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.87% ทะลุ 105 แตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ 105.29 จากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. (กดดันทองคำ)

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 5% (กดดันทองคำ)

นักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย เมลลอน คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.50% (กดดันทองคำ)

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในเดือน มิ.ย.และ ก.ค. และจะเพิ่มขึ้น 50 bps ในเดือน ก.ย. (กดดันทองคำ)

นักวิเคราะห์จาก Swissquote Bank ระบุว่า "ขณะนี้เฟดมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือน ก.ค. และมีโอกาส 14% ที่จะปรับขึ้นถึง 1.00% นี่เป็นสิ่งที่เฟดจะดำเนินการหลังการประกาศตัวเลข CPI เมื่อวันศุกร์" (กดดันทองคำ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยผลสำรวจคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือน พ.ค. พบว่า ภาคครัวเรือนสหรัฐคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (กดดันทองคำ)

เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือน เม.ย.ของอังกฤษหดตัวลง 0.3% จากเดือน มี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.1% (กดดันทองคำ)

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะกดดันราคา ทองคำ ดิ่งลงหนักกว่า 7,000 จุด แต่ในปัจจัยด้านการเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว  ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปี เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า สกัดช่วงลบทองคำ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 876.05 จุด หรือ -2.79%, ดัชนี S&P500 ปิด -3.88% และดัชนี Nasdaq ปิด -4.68% จากความวิตกกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย (หนุนทองคำ)

ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) แล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีได้ทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ปีนี้ (หนุนทองคำ)

Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 23,000 ดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2020 จากความกังวลว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด (หนุนทองคำ)

เซลเซียส เน็ตเวิร์กส์ (Celsius Networks) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการให้บริการด้านการถอน การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดเป็นชั่วคราว เนื่องจากตลาดประสบความผันผวนอย่างหนัก (หนุนทองคำ)

ข้อมูลของ Coinmarketcap.com ซึ่งรวบรวมราคาสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุลจากตลาดซื้อขายทั่วโลก พบว่า มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ วานนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2021 (หนุนทองคำ)

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ความรุนแรงของสงคราม รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ

ที่มา: CNBC, SPDR, Kitco, Investing,  Reuters, Bloomberg, Fxstreet 

อ่านเพิ่มเติม: News, Gold, Dollar

การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY

ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ทองคำ ดิ่งกว่า 7,000 จุด จาก High $1,879 สู่ Low $1,809 ก่อนจะฟื้นตัวมาที่ $1,826 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองว่าทองคำได้วิ่งในแนวโน้มขาลงได้ (Downtrend) หากพิจารณาจากการที่กราฟสามารถร่วงทะลุแนวต้านใหญ่โซน $1,825 ได้ และวิ่งอยู่ในกรอบของเส้นเทรนด์ไลน์สีชมพู รวมทั้งต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทุกค่า แต่ในระยะสั้นฝั่ง Buyer อาจมีความได้เปรียบ เนื่องจากกราฟได้ร่วงลงมาทดสอบกับบริเวณ Demand Zone ที่เคยได้วิเคราะห์ไว้ ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นอีกเพื่อสร้างแรงในการร่วงลงต่อ อย่างไรก็ดี กราฟมีโอกาสกลับลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,818-$1,800 ซึ่งโซนนี้สามารถเข้า Buy ได้ โดยหากไม่สามารถร่วงลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,832 / $1,840 / $1,851 ตามลำดับ (โซนนี้ สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถร่วงทะลุโซนแนวต้านสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสดิ่งลงไปทดสอบแนวรับที่โซน $1,798 ซึ่งถ้ากราฟร่วงลงมาทะลุ $1,805 ให้ยอมแพ้ (SL) เพื่อรอจังหวะเข้า Buy อีกครั้งในโซน Demand Zone อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ

แนวต้านสำคัญ: 1,832 / 1,840 / 1,851

แนวรับสำคัญ: 1,818 / 1,807 / 1,798