กระทิงขวิดหงาย!!! ทองคำ พุ่งกว่า 2,800 จุด จาก Low $1,813 สู่ High $1,842 เหตุเฟดขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ตามคาด รวมทั้งตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐที่ออกมา ”แย่เกินคาด” ฉุดให้ดัชนีดอลลาร์ร่วง ด้านบอนด์ยีลด์พักตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ทองคำ ได้ปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ $1,831 ณ เวลาที่เขียน 

สรุปผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือน มิ.ย. ที่หนุนราคา ทองคำ พุ่งทะยาน

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.60% ร่วงลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2002 ที่ 105.79 ซึ่งขึ้นไปทดสอบในทันทีหลังเฟดเผยผลการประชุม โดยลดช่วงบวก เหตุจากเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวและการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นในเดือนต่อ ๆ ไป (หนุนทองคำ) 

Bond Yield 10 ปี ลดลงเหลือ 3.347% หลังจากทดสอบระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2011 ที่ 3.498% ในวันอังคาร หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 แต่ถือว่าไม่ได้ Hawkish เกินความคาดหมายของตลาด (หนุนทองคำ) 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน เม.ย. (หนุนทองคำ) 

เฟดสาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -1.2 ในเดือน มิ.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0 จากระดับ -11.9 ในเดือน พ.ค. (หนุนทองคำ) 

Karl Schamotta หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Corpay ชี้ว่า คำพูดของประธานเฟดที่กล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าการปรับขึ้นค่าพื้นฐาน 75 bps จะเป็นเรื่องปกติ เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ นักลงทุนเทขายดอลลาร์ออกมา (หนุนทองคำ) 

การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของจีนลดลงเหลือ 1.003 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2010 โดยลดลง 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์จาก 1.039 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า (หนุนทองคำ) 

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 67 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 (หนุนทองคำ)

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะหนุนราคา ทองคำ พุ่งทะยานเทส High $1,844 แต่ในปัจจัยด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันนี้ โดยเรียกร้องให้รัสเซียและยูเครน ผลักดันการบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ สกัดช่วงบวก ทองคำ

รวมถึง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 3.62 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 115.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล (กดดันทองคำ)

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 30,668.53 จุด พุ่งขึ้น 303.70 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,789.99 จุด เพิ่มขึ้น 54.51 จุด หรือ +1.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,099.15 จุด พุ่งขึ้น 270.81 จุด หรือ +2.50% (กดดันทองคำ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือน เม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 2.4% ในเดือน มี.ค. (กดดันทองคำ)

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ตำหนิบริษัทโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐ ที่มีกำไรมหาศาลจากการกลั่นน้ำมัน ขณะที่ชาวอเมริกันประสบความยากลำบากจากปัญหาราคาน้ำมันแพง (กดดันทองคำ)

ที่มา: CNBC, SPDR, Kitco, Investing,  Reuters, Bloomberg, Fxstreet 

อ่านเพิ่มเติม: News, Gold, Dollar

การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY

ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ทองคำ พุ่งกว่า 2,800 จุด จาก Low $1,813 สู่ High $1,842 โดยปัจจุบัน ทองคำ ได้ปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ $1,831 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองว่า ทองคำ ได้วิ่งในแนวโน้มขาลงได้ (Downtrend) หากพิจารณาจากการที่กราฟสามารถร่วงทะลุแนวต้านใหญ่โซน $1,825 ได้ และวิ่งอยู่ในกรอบของเส้นเทรนด์ไลน์สีชมพู แต่ในระยะสั้นฝั่ง Buyer อาจมีความได้เปรียบ เนื่องจากกราฟได้ร่วงลงมาทดสอบกับบริเวณแนวรับสำคัญที่เคยได้วิเคราะห์ไว้ ($1,811) แล้วได้ปรับตัวขึ้นไปที่โซน $1,840 ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ดี กราฟมีโอกาสกลับลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,820 ซึ่งโซนนี้สามารถเข้า Buy ได้ โดยหากไม่สามารถร่วงลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,840 / $1,852 / $1,865 ตามลำดับ (โซนนี้ สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถร่วงทะลุโซนแนวต้านสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสดิ่งลงไปทดสอบแนวรับที่โซน $1,807-$1,798 ซึ่งถ้ากราฟร่วงลงมาทะลุ $1,810 ให้ยอมแพ้ (SL) เพื่อรอจังหวะเข้า Buy อีกครั้งในโซน Demand Zone อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ

แนวต้านสำคัญ: 1,840 / 1,852 / 1,865

แนวรับสำคัญ: 1,818 / 1,807 / 1,798