ก่อนหน้านี้มีความวิตกกันว่า หากอังกฤษและอียู ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจากอียูโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับอียูและทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)
ก่อนหน้านี้ นายบาร์นิเยร์กล่าวว่า อียูกำลังใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกจากอียู (เบร็กซิท) “เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และเรากำลังใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย” นายบาร์นิเยร์กล่าว
อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการประมง โดยอียูต้องการทำการประมงในน่านน้ำอังกฤษต่อไปอีก 6 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2564 หลังจากที่อังกฤษเริ่มแยกตัวออกจากอียูในวันที่ 1 ม.ค.2564 แต่อังกฤษต้องการให้สิทธิการประมงแก่อียูเพียง 3 ปี นอกจากนี้ อังกฤษต้องการให้อียูลดปริมาณการจับสัตว์น้ำในน่านน้ำของอังกฤษลง 30% เริมตั้งแต่ปี 2564 แต่อียูต้องการลดปริมาณการจับสัตว์น้ำเพียง 25% โดย นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่มีเอกราชทางทะเล ซึ่งจะสามารถควบคุมน่านน้ำของตน และกำหนดได้ว่าประเทศใดสามารถเข้าทำการประมงในน่านน้ำของอังกฤษ