วันศุกร์ ทองคำ ทะยาน 2,000 จุด จาก Low $1,816 สู่ High $1,836 ปิดตลาดแดนบวก เหตุจากดอลลาร์อ่อนค่าลง ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดิ่งฮวบ!! รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง บั่นทอนความกังวลเงินเฟ้อ ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -2.03 ตัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคา ทองคำ ได้ปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ $1,834 ณ เวลาที่เขียน
วันศุกร์ ดัชนี Dow Jones ปิดเพิ่มขึ้น 823.32 จุด หรือ +2.68%, ดัชนี S&P500 ปิด +3.06% และดัชนี Nasdaq ปิด +3.34% เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา (กดดันทองคำ)
มูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ว่า มูดี้ส์ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ AAA โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ได้อย่างแข็งแกร่งมาก (กดดันทองคำ)
นางแมรี่ เดลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 bps ในเดือน ก.ค. เป็น “จุดเริ่มต้น” ของเธอ อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าที่เธอคาดไว้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 50 bps ก็อาจสมเหตุสมผล (กดดันทองคำ)
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ กล่าวในวันศุกร์ว่า “เฟดต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและจริงจัง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อพลิกกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุม” และย้ำคำเรียกร้องให้ขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนักในระยะแรก (Frontload) เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% (กดดันทองคำ)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 10.7% สู่ระดับ 696,000 ยูนิต ในเดือน พ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่า อาจลดลงสู่ระดับ 588,000 ยูนิต (กดดันทองคำ)
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะกดดันราคา ทองคำ ดิ่งลง $1,816 แต่ในด้านของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดิ่งลงสู่ระดับ 50.0 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในช่วงทศวรรษ 1940 และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 50.2 หลังจากแตะระดับ 58.4 ในเดือน พ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ระดับ 50.2 อีกด้วย (หนุนทองคำ)
มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 5.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.2% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าระดับ 5.4% ซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นที่มีการสำรวจเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว (หนุนทองคำ)
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้อุปสงค์ลดลง ทั้งนี้ IMF คาดว่า GDP ของสหรัฐจะเติบโต 2.9% ในปี 2022 ลดลงจากคาดการณ์ล่าสุดที่ 3.7% ในเดือน เม.ย. (หนุนทองคำ)
ส่วนอังกฤษ, สหรัฐ, ญี่ปุ่น, และแคนาดา ได้ตกลงร่วมกันที่จะแบนการนำเข้าทองคำที่ผลิตใหม่จากรัสเซีย เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยรัฐบาลอังกฤษระบุในวันอาทิตย์ (หนุนทองคำ)
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.21% ในวันศุกร์ พร้อมปิดอ่อนค่ารายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในเดือนนี้ เนื่องจากเทรดเดอร์ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal Rate) และเริ่มคาดการณ์ถึงช่วงเวลาของการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น (หนุนทองคำ)
Seema Shah หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Principal Global Investors ในลอนดอน กล่าวว่า “คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal Rate) กำลังลดลงเพราะผู้คนกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่อ่อนแอลงเร็วกว่าที่คาดไว้” (หนุนทองคำ)
Money Markets ปรับลดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงสุด (Terminal Rate) สู่ระดับประมาณ 3.4% ภายในเดือน มี.ค. ปีหน้า โดยลดลงจากระดับเหนือ 4% ภายในเดือน มิ.ย. ปี 2023 จากการคาดการณ์ช่วงก่อนการประชุมเฟด เดือน มิ.ย. (หนุนทองคำ)
วิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เปิดเผยในวันนี้ (26 มิ.ย.) ว่า รัสเซียได้ทำการโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีขีปนาวุธยิงเข้าใส่อาคารที่พักอาศัยอย่างน้อย 2 แห่ง (หนุนทองคำ)
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ความรุนแรงของสงคราม รวมถึง ควรมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง วันศุกร์ ทองคำ ทะยาน 2,000 จุด จาก Low $1,816 สู่ High $1,836 ปิดตลาดแดนบวก ก่อนจะปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ $1,834 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองได้ว่า ทองคำ กำลังวิ่งในแนวโน้มขาลง (Downtrend) หากพิจารณาจากการที่กราฟยังไม่สามารถยืนเหนือจุด High เดิมโซน $1,850 แต่ในระยะสั้น ฝั่ง Buyer อาจมีความได้เปรียบ หลังกราฟยังไม่สามารถทะลุร่วงผ่านแนวต้านสำคัญที่ $1,820 (เกิดการ Rejection ของราคาในโซน $1,816) ไปได้ และยังคงยืนเหนือเส้นเทรนด์ไลน์สีชมพูได้ รวมทั้งการที่กราฟยืนเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ไลน์สีฟ้าด้วยเช่นกัน (ซึ่งเป็นไปตามที่วิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ว่า หากกราฟไม่สามารถหลุดแนวรับนี้ไปได้ ก็จะขึ้นไป Re-Test แนวต้านสำคัญโซน $1,832...) (24 มิ.ย.)
อย่างไรก็ดี กราฟยังคงมีโอกาสกลับลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,828-$1,820 ซึ่งโซนนี้สามารถเข้า Buy ได้ โดยหากไม่สามารถร่วงลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $1,841 / $1,848 / $1,856 อีกครั้ง ตามลำดับ (โซนนี้สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถร่วงทะลุโซนแนวต้านสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสดิ่งลงไปทดสอบแนวรับที่โซน $1,814 ซึ่งถ้าหากกราฟร่วงลงมาทะลุโซนสีแดง ให้ยอมแพ้ก่อน (SL) แล้วรอเข้าออเดอร์ใหม่อีกครั้งในโซนนัยสำคัญ (Demand Zone) อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ
แนวต้านสำคัญ: 1,841 / 1,848 / 1,856
แนวรับสำคัญ: 1,828 / 1,820 / 1,813
Updated
2 years ago
(Jun 27, 2022 11:06)
