หมีพ่าย ขา Buy เฮ!!! ทองทะยานกว่า 3,000 จุด จาก Low $1,711 สู่ High $1,741 หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ตามคาด ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าเทส Low รอบ 3 วีค กด Bond Yield ร่วงตาม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาทองคำ ได้ปรับตัวลงเล็กน้อยมาที่ $1,737 ณ เวลาที่เขียน
สรุปผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประจำเดือน ก.ค. 2022
| 1. เฟดมีมติมีมติเป็นเอกฉันท์ 12-0 “ขึ้น” อัตราดอกเบี้ย 0.75% หรือ 75 bps สู่ระดับ 2.25-2.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ (หนุนทองคำ) |
| 2. Jerome Powell กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ "มากผิดปกติ" อีกครั้งอาจเหมาะสมในการประชุมครั้งต่อไปของเฟด แต่การตัดสินใจดังกล่าว “จะขึ้นอยู่กับข้อมูล (Data-Dependent) และจะไม่ให้คำแนะนำล่วงหน้า (Forward guidance)” (หนุนทองคำ) |
| 3. Jerome Powell ไม่คิดว่าตอนนี้สหรัฐฯอยู่ในภาวะถดถอย แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 นั้นเป็นเด่นชัด แม้เป้าหมายของเฟด คือ Soft Landing แต่ไม่มีใครสามารถแน่ใจได้ว่าเราจะบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ (หนุนทองคำ) |
ดัชนีดอลลาร์ ปิดอ่อนค่าลง -0.69% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 106.264 หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ตามคาดไว้ ขณะที่ความคิดเห็นของ Jerome Powell ประธานเฟดกระตุ้นการคาดการณ์ถึงการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็อ่อนตัวลง (หนุนทองคำ)
Fedwatch Tool ของ CME สะท้อนความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps หรือ 0.5% ในการประชุมเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 60.9% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 41.2% ในวันอังคาร ขณะที่การคาดการณ์การปรับขึ้น 75 bps ในการประชุมเดือน ก.ย. ลดลงเหลือ 35.2% จาก 41.2% (หนุนทองคำ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ (27 ก.ค.) ขานรับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดลงเกินคาด (หนุนทองคำ)
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ลดลง 8.6% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 91.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2020 (หนุนทองคำ)
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ จะหนุนราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 3,000 จุด แต่ในปัจจัยด้านดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ (27 ก.ค.) และดัชนี Nasdaq ที่พุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 4% (ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2020) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด และความเห็นของ Jerome Powell ประธานเฟด ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับอัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ปัจจัยดังกล่าวสกัดช่วงบวกทองคำ)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือน มิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน พ.ค. (กดดันทองคำ)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน มิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% เช่นกันในเดือน พ.ค. (กดดันทองคำ)
Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย แถลงว่า ทางบริษัทยังคงรอคอยกังหันของท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ที่มีการส่งไปซ่อมแซมยังแคนาดา (กดดันยูโร, กดดันทองคำ)
หน่วยงานกำกับดูแลของเยอรมนี ออกประกาศแจ้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ให้ประหยัดพลังงานก๊าซ และหลีกเลี่ยงการปันส่วน หลังปริมาณการส่งก๊าซผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 ลดลงเหลือ 1 ใน 5 ของกำลังการผลิตตั้งแต่วันนี้ (27 ก.ค.) (กดดันยูโร, กดดันทองคำ)
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ความรุนแรงของสงคราม รวมถึง ควรมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจากนักวิเคราะห์ FXTODAY
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ทองทะยานกว่า 3,000 จุด จาก Low $1,711 สู่ High $1,741 โดยปัจจุบันราคาทองคำ ได้ปรับตัวลงเล็กน้อยมาที่ $1,737 ณ เวลาที่เขียน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองได้ว่า ทองคำ กำลังวิ่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หลังไม่สามารถทะลุแนวรับสำคัญ โซน $1,713 ได้ และกราฟได้ยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ $1,733 ไปได้ รวมทั้ง Break out เส้นเทรนดไลน์สีชมพูขึ้นไปได้ บ่งบอกถึงปริมาณแรง Buy ที่ยังคงมีอยู่ในตลาด
แต่หากมองในภาพรวมระยะสั้น ฝั่ง Seller อาจมีความได้เปรียบ หลังกราฟเผชิญแนวต้านสำคัญที่ $1,741 และเกิดการปฏิเสธของราคา (Rejection) โดยกราฟยังคงมีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,733-$1,728 เพื่อ Test เส้นเทรนด์ไลน์สีชมพู และเพื่อสร้างโมเมนตัมในการที่จะขึ้นต่อ ซึ่งหากกราฟไม่สามารถดิ่งลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปมาทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $1,741 / $1,748 / $1,752 ตามลำดับ (โซนนี้สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถดิ่งลงทะลุโซนแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับที่โซน $1,722-$1,717 ซึ่งถ้าหากกราฟดิ่งลงเข้าสู่โซนกรอบสีแดง ให้เรายอมแพ้ก่อน (Stop Loss) แล้วรอเข้าออเดอร์ Buy ใหม่อีกครั้งในโซนที่มีนัยสำคัญ (Demand Zone) อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ
แนวต้านสำคัญ: 1,741 / 1,748 / 1,752
แนวรับสำคัญ: 1,733 / 1,728 / 1,721
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blogรู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
Updated
2 years ago
(Jul 28, 2022 11:45)
