ขา Sell เฮ ได้ไม่นาน!! แม้ตัวเลขภาคบริการของสหรัฐฯ “ดีเกินคาด” ฉุดทองดิ่งแตะ Low $1,754 ก่อนจะทะยานขึ้นกว่า 1,300 จุด เทส High $1,767 ปิดตลาดแดนบวก หลังแรง Buy the dip แกร่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นต่อมาที่ $1,770 ณ เวลาที่เขียน
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.7 ในเดือน ก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลงสู่ระดับ 53.5 หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน (กดดันทองคำ)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2.0% ในเดือน มิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือน พ.ค. (กดดันทองคำ)
S&P Global เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 52.7 ในเดือน มิ.ย. แต่ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 47.0 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะอยู่ที่ 47.0 (กดดันทองคำ)
ดัชนีดอลลาร์ ปิดตลาดแข็งค่าขึ้น ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการที่ดีดตัวขึ้นในเดือน ก.ค. (กดดันทองคำ)
Bond Yield อายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.779% ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง (กดดันทองคำ)
ดัชนี Dow Jones ปิดพุ่งขึ้น 416.33 จุด หรือ +1.29%, ดัชนี S&P500 ปิด +1.56% และดัชนี Nasdaq ปิด +2.59% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ (กดดันทองคำ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4% ในวันพุธ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ และน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย (กดดันทองคำ)
นางแมรี ดาลี ประธานเฟด ซานฟรานซิสโก กล่าวเมื่อวันพุธว่า 'สมเหตุสมผล' ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในเดือนหน้า หากเศรษฐกิจมีพัฒนาการตามที่คาดไว้ แต่หากเห็นอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน และตลาดแรงงานไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว การขึ้นดอกเบี้ย 75 bps อาจเหมาะสมกว่า (กดดันทองคำ)
นายนีล คัชคารี ประธานเฟด มินนิอาโปลิส กล่าวเมื่อวันพุธว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากกว่า คือ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จากนั้น เราจะยังคงดอกเบี้ยไว้จนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับลงมาที่ 2% (กดดันทองคำ)
นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟด เซนต์หลุยส์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อนำอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ กลับมาสู่เป้าหมายที่ 2% ของเฟด (กดดันทองคำ)
นายโธมัส บาร์กิ้น ประธานเฟด ริชมอนด์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% (กดดันทองคำ)
กองทุน SPDR ถือครองทองคำ -2.32 ตัน สู่ระดับ 1,000.65 ตัน ทำให้ปี 2022 กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม 24.99 ตัน (กดดันทองคำ)
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไป จะกดดันราคาทองคำดิ่งฮวบ แต่ในด้านแรง Buy the dip และแนวต้านสำคัญทางเทคนิค รวมทั้งปัจจัยพื้นฐานจากนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ที่ได้กล่าวว่า ความตึงเครียดที่เกิดจากการยั่วยุของสหรัฐฯ หลังการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป ได้สกัดช่วงลบทองคำ (หนุนทองคำ)
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามทิศทางนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ความตึงเครียดของจีน-สหรัฐฯ รวมถึง ควรมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนให้ดี ขอให้โชคดีครับ
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคเมื่อวันพุธที่ 3/8/22 จากนักวิเคราะห์ FXTODAY
XAU/USD tf. H1
จากที่ได้วิเคราะห์ไปเมื่อวานนี้ (3/8/22) กราฟได้วิ่งตามเทคนิคที่ได้วิเคราะห์ไว้ โดยกราฟได้ปรับตัวขึ้นไปทดสอบกรอบแนวต้านที่ $1,772 แต่กราฟไม่สามารถทะลุไปได้จึงได้ลงมา Re-Test เส้นเทรนด์ไลน์ฟ้า แต่ก็ไม่สามารถ Break out ไปได้ กราฟจึงได้ปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1 อีกครั้ง ที่ $1,767 โดยในปัจจุบัน ราคาทองคำก็ได้ทรงตัวเหนือแนวต้านที่ $1,770 ณ เวลาที่เขียน
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค วันพฤหัสบดีที่ 4/8/22 จากนักวิเคราะห์ FXTODAY
XAU/USD tf. H1
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาที่ $1,770 ณ เวลาที่เขียน โดยแนวโน้มภาพรวมใหญ่ สามารถมองได้ว่า ทองคำ กำลังวิ่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หลังไม่สามารถทะลุแนวรับสำคัญ โซน $1,756 ได้ และกราฟได้ยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ $1,760 ไปได้ ซึ่งโดยรวมกราฟยังคงวิ่งอยู่ในกรอบเส้นเทรนด์ไลน์สีฟ้า รวมทั้งการที่กราฟวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA100 และ EMA200 บ่งบอกถึงปริมาณแรง Buy ที่สูงในตลาด
แต่หากมองในภาพรวมระยะสั้น ฝั่ง Seller อาจมีความได้เปรียบ โดยกราฟยังคงมีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่โซน $1,758-$1,750 เพื่อ Test แนวรับสำคัญ และเพื่อสร้างโมเมนตัมในการขึ้นต่อ ซึ่งหากกราฟไม่สามารถดิ่งลงทะลุแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสที่กราฟจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $1,777 / $1,785 / $1,794 ตามลำดับ (โซนนี้สามารถ Sell ได้) ในทางตรงกันข้าม หากสามารถดิ่งลงทะลุโซนแนวรับสำคัญดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับที่โซน $1,742-$1,734 ซึ่งถ้าหากกราฟดิ่งลงเข้าสู่โซนกรอบสีแดง ให้เรายอมแพ้ก่อน (Stop Loss) แล้วรอเข้าออเดอร์ Buy ใหม่อีกครั้งในโซนที่มีนัยสำคัญ (Demand Zone) อย่าลืมบริหารความเสี่ยงกันนะครับ
แนวต้านสำคัญ: 1,777 / 1,785 / 1,794
แนวรับสำคัญ: 1,758 / 1,750 / 1,741
____________________________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Updated
2 years ago
(Aug 04, 2022 11:56)