ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แม้จะมีสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังสูญเสียความแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับยุโรปและจีน ข้อมูลยอดขายปลีก และรายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุด จะออกสู่ตลาดในวันนี้ ซึ่งจะกลายเป็นเบาะแสใหม่เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้
เมื่อเฟดอาจมีการชะลอตัวในการปรับอัตราดอกเบี้ย และการรายงาน CPI ล่าสุด ที่ส่งสัญญาณว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มสูญเสียอำนาจ ดูเหมือนว่าการขึ้นค่าเงินดอลลาร์อย่างไม่หยุดยั้งในที่สุดก็จะหมดลง แต่ความอ่อนแอนั้นอยู่ได้ไม่นาน
ทันทีที่แนวโน้มเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ แย่ลง เทรดเดอร์ต่างหันกลับเข้าสู่ความปลอดภัยของสกุลเงินหลัก ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนกำลังละลาย และข้อมูลล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น ผลักดันให้นักลงทุนเลิกใช้สกุลเงินอื่น ๆ อย่างเช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจพึ่งพาจีน ที่เป็นแรงหนุนการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์
ขณะเดียวกัน ยุโรปยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ราคาก๊าซธรรมชาติในทวีปถูกผลักดันให้สูงขึ้น เพื่อท้าทายระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากทุกประเทศพยายามที่จะกักตุนน้ำมันสำหรับฤดูหนาว จากแรงกดดันของผู้บริโภค ส่งผลให้เป็นการทำลายค่าเงินยูโร
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ดูเปราะบางนัก ขณะที่ตัวชี้วัดชั้นนำ เช่น การสำรวจทางธุรกิจ ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่ช้าลงในอนาคต ตลาดแรงงานยังคงมีการจ้างงานเต็มอัตรา ทำให้ลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง อีกทั้ง การซื้อขายสกุลเงินเป็นเกมที่สัมพันธ์กัน ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ แย่ลง เงินดอลลาร์ก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นตามธรรมชาติ
EUR/USD มีการซื้อขายที่ทรงตัวเหนือบริเวณ 1.0150 เล็กน้อย เนื่องจากตลาดกระทิงของดอลลาร์สหรัฐฯ ได้พักฟื้น หลังจากการดึงกลับอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
นักลงทุนหันมาระมัดระวัง และละเว้นจากการวางเดิมพันขนาดใหญ่ใด ๆ ในคู่สกุลเงินหลัก ก่อน GDP เบื้องต้นของยูโรโซนในไตรมาสที่ 2 และรายงานการประชุมเฟดในเดือนกรกฎาคม
GDP ไตรมาส 2 ของยูโรโซน อาจเป็นแรงกระตุ้นความกังวลเรื่องภาวะซบเซา ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ และวิกฤตพลังงานที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทวีปเก่า ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมของเฟด อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ตลาดต่าง ๆ มีการคาดการณ์ว่า มีโอกาส 58% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5%
เมื่อดูที่กราฟรายวันของ EUR/USD ขา Sell ยังคงมีความหวัง หากราคายังคงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 DMA รายวัน ในแนวต้านที่บริเวณ 1.0208
ดังนั้น แนวรับที่บริเวณ 1.0100 ยังคงเป็นที่น่าจับตามอง แม้ว่าจะมีการดีดตัวขึ้นในวันอังคาร จากระดับต่ำสุดเกือบ 3 สัปดาห์ ที่บริเวณ 1.0122
ดัชนี 14 RSI มีการเคลื่อนไหวในแนวราบ แต่ยังคงอยู่ใต้เส้นกึ่งกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่า การขึ้นราคาใด ๆ มีแนวโน้มที่จะถูกขายออกไป
การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเหนือ 21 DMA จะเป็นตัวหนุนโมเมนตัมขาลงในระยะสั้น โดยเป็นการสร้างแนวโน้มการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ 50 DMA ที่บริเวณ 1.0295
หากกราฟทะลุผ่านแนวต้านบริเวณ 1.0100 ไปได้ แรงกดดันในการขายจะรุนแรงขึ้น
บทวิเคราะห์ทางเทคนิค
ภาพรวม |
ราคาปิดรายวัน |
1.0168 |
การเปลี่ยนแปลงรายวัน |
0.0003 |
การเปลี่ยนแปลงรายวัน % |
0.03 |
ราคาเปิดรายวัน |
1.0711 |
เทรนด์ |
SMA20 . รายวัน |
1.021 |
SMA50 . รายวัน |
1.0307 |
SMA100 . รายวัน |
1.0507 |
SMA200 . รายวัน |
1.0882 |
____________________________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Updated
2 years ago
(Aug 17, 2022 12:11)