ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายเมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค. 65) ที่ผ่านมาปิดพุ่ง!! โดยราคาน้ำมัน WTI อยู่ที่ 93.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.54 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาน้ำมัน Brent อยู่ที่ 100.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.65 ดอลลาร์สหรัฐ
จากรายงานข่าวของหน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ วันนี้ (29 ส.ค. 65) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากซาอุดีอาระเบียที่ออกมาส่งสัญญาณว่า กลุ่ม OPEC พร้อมที่จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลง เพื่อพยุงราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ ทางกลุ่ม OPEC อาจจะไม่ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตในทันที แต่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับปริมาณการส่งออกของอิหร่าน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกหลายประเทศของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่หรัฐนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งด้วย อันได้แก่ ธนาคารกลางสหฯ (เฟด) ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายทางการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จึงส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน อีกทั้ง ยังมีปัจจัยในด้านวิกฤติพลังงานเชื้อเพลิงจากปัญหาเดิม ๆ คือ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ด้านสหรัฐฯ หลังจากที่มีปริมาณการใช้น้ำมันพุ่งสูง สวนทางกับปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้มีการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ซึ่ง Baker Hughes ผู้ให้บริการด้านน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายงานว่า ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตยังคงปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบ
ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดบวกในวันศุกร์ที่ผ่านมา และคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงพุ่งสูงต่อไป หากนานาประเทศยังไม่สามารถหาแนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และควรปรับพอร์ตการลงทุนให้ดี
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog