ข่าวราคาทองคำวันนี้ 8 พฤศจิกายน 2022

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 5.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ระหว่างวัน แม้ราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร หลังจากวันศุกร์ราคาพุ่งขึ้นแรงทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์จนเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) แต่การปรับตัวลงของทองคำเป็นไปอย่างจำกัด โดยทำระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,666.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงตลาดยุโรป และตลาดสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงหนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซนที่ “ดีเกินคาด” อาทิ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกันยายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และสถาบันวิจัย Sentix ของเยอรมนีเปิดเผย ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -30.9 ในเดือนพฤศจิกายน จากระดับ -38.3 ในเดือนตุลาคม และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -35.0 ซึ่งการแข็งค่าของยูโรเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงอีก 0.51% จนช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวลดช่วงติดลบ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.48 ตัน สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และพรุ่งนี้เช้า แนะนำจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง เพื่อชิงเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งเก้าอี้ในวุฒิสภาจำนวน 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (8 พฤศจิกายน 2022) ตามเวลาสหรัฐฯ และคาดเริ่มนับคะแนนหลังปิดหีบ พรุ่งนี้ในช่วงเวลา 19.00-20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน เวลา 07.00-08.00 น.ตามเวลาไทย

เหตุการณ์สำคัญที่ควรจับตามอง!!

1. ทั่วโลกลุ้นผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เช้าวันพุธ ชี้ชะตา "เดโมแครต-รีพับลิกัน"

ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาทิศทางการเมืองสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 การเลือกตั้งกลางเทอมดังกล่าว ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้ง เก้าอี้ในวุฒิสภาจำนวน 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก การนับคะแนนเลือกตั้งจะเริ่มจากหน่วยเลือกตั้งทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ โดยจะมีการเริ่มนับคะแนนหลังปิดหีบพรุ่งนี้ในช่วงเวลา 19.00-20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน เวลา 07.00-08.00 น.ตามเวลาไทย อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากผลการนับคะแนนเป็นไปอย่างสูสี จะทำให้การตัดสินว่าพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาหลายวัน เนื่องจากต้องรอคะแนนชี้ขาดจากรัฐทั้งฝั่งตะวันตก

2. จับตา "รีพับลิกัน" แลนด์สไลด์เลือกตั้งกลางเทอมพรุ่งนี้

ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาทิศทางการเมืองสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 การเลือกตั้งกลางเทอมดังกล่าว ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งเก้าอี้ในวุฒิสภาจำนวน 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก ผลการสำรวจของสำนักโพลล์ส่วนใหญ่พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครต มีเสียงเกินอยู่เล็กน้อย ส่วนการเลือกตั้งในวุฒิสภาจะเป็นไปอย่างสูสีระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งก่อนการเลือกตั้งทั้งสองพรรคมีคะแนนเสียงเท่ากันอยู่ที่ 50-50 โดยคะแนนเลือกตั้งใน 4 รัฐ ได้แก่ แอริโซน่า จอร์เจีย เนวาดา และเพนซิลเวเนีย จะชี้ขาดว่า พรรคใดครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา เจ้าหน้าที่หลายรายในทำเนียบขาวยอมรับว่า พวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับพรรคเดโมแครตที่อาจสูญเสียการครองเสียงข้างมาก ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยผลสำรวจพบว่า พรรคเดโมแครตอาจเสียเก้าอี้ในวุฒิสภาในหลายรัฐให้แก่พรรครีพับลิกัน หลังจากที่ชาวอเมริกันไม่พอใจต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของรัฐบาล หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ก็จะทำให้การบริหาร ประเทศของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงที่เหลืออีก 2 ปีเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยคาดว่าพรรครีพับลิกันจะขัดขวางการผ่านกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

การร่วงลงของราคาทองคำ มีสาเหตุและปัจจัยกดดัน ดังนี้

1.  น้ำมันดิบ WTI ปิดลบ 82 เซนต์ กังวลแผนเผิดประเทศจีนไม่แน่นอน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (7 พฤศจิกายน 2022) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 82 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 91.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 65 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 97.92 ดอลลาร์/บาร์เรล 

2. ดัชนีดาวน์โจนส์ปิดพุ่ง423.78 จุด ตลาดจับตาการเลือกตั้งกลางเทอม

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (7 พฤศจิกายน 2022) ขณะที่นักลงทุน จับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาทิศทางการเมืองสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,827.00 จุด เพิ่มขึ้น 423.78 จุด หรือ +1.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,806.80 จุด เพิ่มขึ้น 36.25 จุด หรือ +0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,564.52 จุด เพิ่มขึ้น 89.26 จุด หรือ +0.85%

การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ มีสาเหตุและปัจจัยหนุน ดังนี้

1. ดอลลาร์อ่อนค่า หลังนักลงทุนเทขาย

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (7 พฤศจิกายน 2022) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ยูโรและปอนด์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.68% แตะที่ระดับ 110.1190 ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0028 USD จากระดับ 0.9951 USD ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1533 USD จากระดับ 1.1368 USD ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 146.56 JPY จากระดับ 146.82 JPY ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9878 CHF จากระดับ 0.9944 CHF และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.8191 SEK จากระดับ 10.9077 SEK อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3492 CAD จากระดับ 1.3478 CAD