เมื่อวันศุกร์ (11 พฤศจิกายน 65) ที่ผ่านมา ทองคำพุ่งทะยานมากสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ $1,772.45 ทำ High ในรอบเกือบ 3 เดือน ส่งผลให้ฉุดดอลลาร์ร่วง 2 วันติด เนื่องจากตลาดคาดว่า เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับแรงขายสกุลเงินปลอดภัย ขานรับจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -1.45 ตัน
FedWatch Tool ของ CME Group
โดยการปรับตัวขึ้นของทองคำมี “ปัจจัยหนุน” มาจากสาเหตุดังต่อไปนี้
1) ดัชนีดอลลาร์ปิดดิ่ง 1.76% ร่วงลง 2 วันติดต่อกัน มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 52 โดยร่วงลง 2 วัน รวมแล้วกว่า -3.8% เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมต่ำกว่าคาด ประกอบกับแรงขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และการเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ
2) นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป แต่ไม่ควรมองว่าเป็นการผ่อนคลายความมุ่งมั่นในการลดอัตราเงินเฟ้อ
3) FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ส่วนอีก 19% ให้น้ำหนักว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมเดือนธันวาคม
4) ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) สหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนพฤศจิกายน จากระดับ 59.9 ในเดือนตุลาคม ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
5) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันในประเทศ
ดัชนีสหรัฐฯ ล่าสุด จาก Investing
อย่างไรก็ดี “ปัจจัยกดดัน” ยังคงมีอยู่ในตลาดมากพอสมควรเช่นกัน ดังนี้
1) เมื่อวันศุกร์ ดัชนี Dow Jones ปิดเพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิด +0.92% และดัชนี Nasdaq ปิด +1.88% ซึ่งทั้ง 3 ดัชนี ต่างก็ได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า เฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด
2) เฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุด แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.0% ในไตรมาสที่ 4 สูงกว่าการเปิดเผยก่อนหน้า
3) จีนรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ “เพิ่มขึ้น” มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน หลังจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดบางประการ
4) พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่กองทัพรัสเซียถอนตัวจากแคว้นเคอร์ซอน จะเปิดทางสำหรับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
แม้ว่าทองคำจะได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของจีน แต่อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงต้องจับตามองปัจจัยอื่น ๆ ต่อไป เนื่องจากตัวเลขโควิดในจีนยังน่าเป็นห่วง ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีก็เป็นที่น่าจับตามองเช่นกัน นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็เป็นอีกประเด็นที่ส่งผลต่อมุมมองของนักลงทุน ดังนั้น เราจึงขอให้ทุกท่านติดตามข่าวต่อไปอย่างระมัดระวัง