เมื่อวันศุกร์ (18 พฤศจิกายน 65) ที่ผ่านมา ทองคำร่วง ปิดลบที่ระดับต่ำสุดบริเวณ $1,746.60 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันที่จะเดินหน้า “ขึ้นอัตราดอกดอกเบี้ย” ต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่ Bond Yield อายุ 10 ปี พลิกฟื้น ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -1.73 ตัน
“ปัจจัยกดดันทองคำ” มาจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ดังต่อไปนี้
1) ดัชนีดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.24% แตะที่ 106.9300 ส่วน Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 3.816% หลังเจ้าหน้าที่เฟดออกมาสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
2) Fed Funds Futures การคาดการณ์ว่า อัตรดอกเบี้ยของเฟดจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.06% ภายในเดือนมิถุนายน 66 จากระดับ 3.83% ในปัจจุบัน
3) ประธานเฟดสาขาบอสตัน เปิดเผยว่า แทบไม่มีหลักฐานว่า แรงกดดันด้านราคากำลังปรับตัวลง ดังนั้น เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
4) ดัชนี Dow Jones ปิดเพิ่มขึ้น 199.37 จุด หรือ +0.59%, ดัชนี S&P500 ปิด +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.01% นำโดยหุ้นกลุ่มปลอดภัย ที่ช่วยชดเชยการลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน
5) สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 5.9% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 54 และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
6) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ในเดือนตุลาคม 65 คาดการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) ขยายตัวทั้งในปี 65 และ 66 ซึ่งก็คือ ไทยและจีน
7) สหรัฐฯ และจีน แสดงถึงความจำเป็นในการฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐ – จีนให้ดีขึ้น ในการหารือกันสั้น ๆ ระหว่างการประชุม APEC ที่กรุงเทพฯ
8) จีนรายงานว่า ตรวจพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรกในรอบเกือบ 6 เดือน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงต่อเนื่อง
ส่วน “ปัจจัยหนุนทองคำ” ก็น่าจับตามองเช่นกัน ดังนี้
1) ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ระบุว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่า 0.75% และมองว่า อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของเฟดนั้น ไม่ควรเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1%
2) Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (LEI) ปรับตัวลง 0.8% ในเดือนตุลาคม ลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
3) ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า อุปสรรคด้านการค้าที่เพิ่มขึ้นสำหรับจีนและประเทศอื่น ๆ ในปีที่ผ่านมา อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากความเสียหายที่เกิดจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน
4) ในสัปดาห์ล่าสุด นักเก็งกำไรพลิกกลับมาถือสถานะขายสุทธิดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 64 ตามการคำนวณของ Reuters โดยมูลค่าของสถานะขายสุทธิในดอลลาร์อยู่ที่ 10.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า
จากปัจจัยข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า การลดลงของราคาทองคำนั้นเป็นผลมาจากคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟด ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ และการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ – จีน อย่างไรก็ดี เรายังต้องติดตามการประชุมที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม และปัจจัยอื่นต่อไป