สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 51.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 562,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค.
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า โดยแหล่งข่าวจากวงการทูตระบุว่า สมาชิก 27 ชาติของสหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเตรียมการสำหรับกระบวนการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับอังกฤษเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าที่จะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้