ข่าวราคาทองคำวันนี้ 13 ธันวาคม 2022

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 16.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในช่วงบ่ายตามเวลาไทย ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากเงินปอนด์ที่ดีดตัวขึ้น ขานรับการเปิดเผย GDP ของอังกฤษที่ขยายตัว 0.5% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบเป็นรายเดือนซึ่งถือว่า “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด พร้อมกับมีแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ ท่ามกลางความวิตกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กำลังจะเปิดเผยในคืนนี้ อาจออกมาสูงเกินคาด (Upside Surprise) หลังจากในวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนี PPI ทั่วไป และดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ไว้ และการคาดการณ์ดังกล่าว อยู่เบื้องหลังการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.614% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,777.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพฤศจิกายน ของสหรัฐฯ ในเวลา 20.30 น. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะขยายตัว 7.3% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน จะปรับตัวขึ้น 6.1% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือว่า “ชะลอลง” จากเดือนก่อนหน้า ดังนั้น หากตัวเลข CPI ออกมาชะลอตัวตามที่คาดการณ์ไว้ หรือชะลอตัวลงมากกว่าคาด จะเป็นปัจจัยกระตุ้นการคาดการณ์ว่าเฟดจะ “ชะลอ” การขึ้นดอกเบี้ยซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ ในทางกลับกัน หาก CPI ออกมาสูงกว่าคาด จะกระตุ้นคาดการณ์ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำ

ในทางกลับกัน ทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะ และหนี้เอกชนปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 70 ปี เมื่อปี 2564 หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แต่ยังถือว่าสูงกว่าก่อนที่โรคโควิด-19 ระบาดอยู่มาก IMF เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะและหนี้เอกชนปรับตัวลดลงจาก 257% ต่อจีดีพีโลกเมื่อปี 2563 เหลือ 247% ในปี 2564 แต่ยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ 195%

การวิเคราะห์แนวโน้มทองคำ

แม้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้น หลังจากอ่อนตัวลงตัวลงวานนี้ แต่ระยะสั้นหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,797-1,809 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจจะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาเพื่อสะสมแรงซื้อในโซน 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์