วันศุกร์ (23 ธันวาคม 65) ที่ผ่านมา ทองคำได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังรายงานการใช้จ่ายส่วนบุลคล และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน “ต่ำเกินคาด” ประกอบกับดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE) ชะลอตัว ย้ำถึงสมมติฐานที่ว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ทำให้ทองคำพุ่งขึ้นไปเทส High ที่ $1,803.14 ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -0.87 ตัน
สาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น มี “ปัจจัยหนุน” ดังต่อไปนี้
1) ดัชนีดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.17% แตะระดับ 104.3250 เนื่องจากนักลงลงทุนเปิดรับความเสี่ยง ทำให้บั่นทอนความต้องการสกุลเงินปลอดภัย หลังมีสัญญาณว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังชะลอลงเล็กน้อย ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
2) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภค (PCE) ทั่วไปของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ดิ่งลง 2.1% ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม โดยตัวเลขทั้ง 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
3) ผลสำรวจความเชื่อมั่นของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) พบว่า จำนวนนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางในระยะสั้นของตลาดหุ้นมีจำนวนลดลงสู่ระดับ 20.3% จากระดับ 24.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว
4) FlightAware บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติที่ให้ข้อมูลติดตามเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ เผยว่า ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เที่ยวบินต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ถูกยกเลิกแล้วกว่า 1 หมื่นเที่ยว เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งพายุหิมะที่พัดถล่มในหลายพื้นที่ ตลอดจนกระแสลมแรง และอากาศที่หนาวเย็นจัด
5) น้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ หลังมีรายงานว่า รัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบจากแถบบอลติก ทำให้สกัดปัจจัยลบเกี่ยวกับสภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิง เพื่อการเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุด
6) สถานเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำปากีสถาน แถลงว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ก่อการร้ายจะก่อเหตุโจมตีโรงแรมแมริออทในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน ในช่วงเทศกาลวันหยุด เตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังโรงแรมดังกล่าว
7) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB ซึ่งสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์ BQ และสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ได้เพิ่มการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ
8) จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงตั้งเป้าที่จะเปิดพรมแดนที่ติดกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนกลางเดือนมกราคม 66 ขณะที่จีนเองก็เร่งผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ด้าน “ปัจจัยกดดัน” ทองคำ ก็ยังคงมีอยู่ในตลาดเช่นกัน ดังนี้
1) ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ในเดือนธันวาคม สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นและตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.1 หลังจากแตะระดับ 56.8 ในเดือนพ.ย.
2) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 5.8% สู่ระดับ 640,000 ยูนิต ในเดือนพฤศจิกายน สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่า จะลดลงสู่ระดับ 600,000 ยูนิต
3) Bloomberg รายงานว่า สัปดาห์นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนอาจพุ่งขึ้นเกือบ 37 ล้านคน ภายในวันเดียว นับเป็นสถิติที่สูงกว่าเดิม ด้าน Airfinity บริษัทข้อมูลสุขภาพของอังกฤษ คาดว่า ยอดติดเชื้อในจีนมีแนวโน้มสูงกว่า 1 ล้านรายต่อวัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรายวันอาจมากกว่า 5,000 ราย ตรงกันข้ามกับข้อมูลของทางการจีน
4) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเซี่ยงไฮ้ เรียกร้องให้ประชาชนอยู่บ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในจีน
จากข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า แม้ปัจจัยกดดันยังคงมีอยู่ในตลาด แต่ปัจจัยหนุนก็มีหลายปัจจัยเช่นกัน โดยเฉพาะตัวเลข PCE ที่เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้ออย่างหนึ่งออกมาต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์อื่น ๆ ต่อไป โดเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน ที่อาจทำยอดทะลุสถิติเดิม