วันศุกร์ (6 มกราคม 66) ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง เนื่องจากค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับกิจกรรมภาคบริการสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี แม้ว่าตัวเลข Non-Farm Payrolls จะยังคงออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่า เฟดอาจจะลดความแข็งกร้าวลง ดันทองขึ้นไปแตะ High ในรอบ 7 เดือนที่ $1,869.91 ด้านกองทุน SPDR ถือทองลดลง -1.44 ตัน
โดยการพุ่งขึ้นของทองคำมี “ปัจจัยหนุน” มาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
1) ดัชนีดอลลาร์ลดลง 1.26% แตะที่ระดับ 103.8790 เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) รวมทั้งดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว
2) ISM เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.6 ในเดือนธันวาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคบริการ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 63 ส่วนดัชนีราคาในภาคบริการ ร่วงลงสู่ระดับ 67.6 เป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนมกราคม 64 ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
3) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยชะลอตัวจากเดือนพฤศจิกายน 65
4) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุด แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 4/65 ต่ำกว่าที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
5) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 3.551% เนื่องจากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจใกล้ที่จะหยุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
6) FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ส่วนที่เหลือ 25.3% ให้น้ำหนักว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมที่จะถึงนี้ ช่วงวันที่ 31 มกราคม ถึง 1 กุมภาพันธ์
7) ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานถือเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหากข้อมูลดำเนินไปในทิศทางดังกล่าว เฟดก็จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ได้
8) สำนักข่าวรายงานว่า จีนเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากปิดไป 3 ปี โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางทางบกและทางน้ำข้ามไปมาระหว่างจีน-ฮ่องกงได้โดยไม่ต้องกักตัว
ด้าน “ปัจจัยกดดัน” เอง ก็ยังมีอยู่ในตลาดเช่นกัน ดังนี้
1) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
2) ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในวันศุกร์ ขานรับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมทั้งดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ซึ่งบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
จากข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ทองคำพุ่งผิดบวก และเป็นสัญญาณว่า อัตราเงินเฟ้อได้ผ่านระดับสูงสุดมาแล้ว ส่วนปัจจัยกดดันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีเหตุการณ์สำคัญมากนัก นักลงทุนควรติดตามการประชุมเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป