เมื่อวันศุกร์ (17 กุมภาพันธ์ 66) ที่ผ่านมา ราคาทองคำปิดบวก $6.22 จากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิค ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เนื่องจากดัชนี Leading Economic Index (LEI) ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลงลงไปเทส Low ที่ $1,818.97 ก่อนจะปิดบวกที่ $1,842.73 ด้านกองทุน SPDR ถือทองคำ 919.92 ตัน ลดลง -1.16 ตัน
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ได้รับปัจจัยหนุนมาจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนี Leading Economic Index (LEI) ของ The Conference Board ที่มีการปรับตัวลดลง 0.3% เป็น 110.3 ในเดือนมกราคม ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
อ้างอิงข้อมูลจาก The Conference Board
ปัจจุบัน LEI ลดลง 3.6% ในช่วง 6 เดือน (เดือนกรกฎาคม 65 – มกราคม 66) ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่สูงกว่าการหดตัว 2.4% ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้า (มกราคม 65 – กรกฎาคม 65) ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากคำสั่งซื้อใหม่และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้เป็นแรงหนุนทองคำ
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตาได้เปิดเผยแบบจำลอง GDPNow ที่เป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวถึง 2.5% ในช่วง Q1/66 สูงกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคานำเข้าเดือนมกราคม ปรับตัวลง 0.2% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งการปรับตัวครั้งนี้เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 หลังการร่วงลงของราคาพลังงาน ขณะที่ดัชนีการนำเข้าเดือนมกราคม มีการปรับตัวสูงขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 63
นอกจากปัจจัยหนุนในข้างต้นแล้ว ตลาดยังมีปัจจัยลบจากการคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหัวหน้ามหภาคระดับโลกของ Tastylive ได้กล่าวว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งและดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการประเมินครั้งใหม่ โดยตลาดคาดว่า เฟดจะมีการตึงเข้มนโยบายการเงินมากขึ้นและอาจเป็นผลเสียต่อราคาทองคำ
โดยสรุป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางเศรฐกิจทำให้ปิดบวกไปได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาทองคำจะมีการฟื้นตัว แต่ในวันก่อนหน้า ราคาทองคำก็ยังคงสร้างระดับต่ำสุดใหม่ในรายวัน ดังนั้น หากราคามีการปรับตัวขึ้นต่อจำกัด แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้