ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรป

อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนล่าสุดเร่งตัวขึ้นเป็น 7% ในเดือนที่แล้วจาก 6.9% ในเดือนมีนาคม ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะกลางที่ 2% ของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ผันผวน กลับผ่อนคลายลงอย่างกะทันหัน

โดยราคาต่างประเทศสำหรับวัตถุดิบ โลหะ และอาหารบางชนิดคาดว่าจะมีการปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งหากมีการปรับลดลงถึง 70% หรือ 80% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะสามารถบ่งชี้ได้ถึงราคาผู้บริโภคที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องแท้จริง

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยุโรปมิอาจเลี่ยงความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯได้ โดยจีนได้พยายามสร้างความสัมพันธ์กับยุโรปมากขึ้น และยังคงต้องการพึ่งพาการลงทุนจากยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน จึงส่งผลให้อาจมีการผลักดันการกำหนดวาระการค้าของยุโรปเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ บริษัทเยอรมันได้เพิ่มการลงทุนในจีนมากขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมัน สหภาพยุโรป และกลุ่ม G7 ที่เล็งเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน รวมถึงต้องการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่บริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯพยายามที่จะถอนตัวออก

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของเยอรมนีไปยังจีนลดลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากการฟื้นตัวของจีนที่ยังคงไม่ดีขึ้น โดยการส่งออกทั้งหมดของเยอรมันเพิ่มขึ้น 7.4% ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งการส่งออกไปยังจีนลดลง 12.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ความเชื่อมั่นในหมู่ผู้ส่งออกของเยอรมนียังฟื้นตัวดี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความหวังที่อุปสงค์จากจีนอาจเพิ่มขึ้น

ทางด้านเศรษฐกิจฝรั่งเศสคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงในภาคบริการและภาคการก่อสร้างในเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าในเดือนมีนาคม และสำหรับเดือนพฤษภาคม คาดว่ากิจกรรมภาคบริการจะคงที่ และลดลงในภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง

ในขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจของอิตาลีจะขยายตัว 0.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้หลังจากหดตัวเล็กน้อยในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลียังอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน จากผลผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงานที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะพบการหดตัวอีกในเดือนเมษายน เนื่องจากการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ECB ได้ให้ความเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ ECB จะเป็นอัตราที่น้อยลง หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุด เป็น 3.25% ในสัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าอัตราอาจไปถึงจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมตามแนวโน้มข้อมูลเงินเฟ้อ โดยนโยบายของ ECB จะยังคงความเข้มงวดไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่จะดึงอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงเหลือ 2% ภายในปี 2568 หรืออาจถึงสิ้นปี 2567 และน่าจะเริ่มปรับลดลงในช่วงปี 2567

ทางด้านคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายช่วงต้นของยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงในช่วงข้ามคืนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐฯที่ลดลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน บ่งชี้ถึงแนวโน้มวงจรการคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯที่อาจยุติเร็วๆนี้ โดยภาวะขาลงได้ถูกจำกัดเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯที่อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกจากการผิดนัดชำระหนี้ จึงอาจส่งผลให้เงินยูโรมีแนวโน้มขาลงแบบจำกัดได้อยู่บ้างในระยะนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0921, 1.0923, 1.0927

แนวรับสำคัญ : 1.0913, 1.0911, 1.0907 

5H Outlook

1H Outlook

ที่มา: Investing.com  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0908 - 1.0913 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0913ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0922 และ SL ที่ประมาณ 1.0905 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0921 - 1.0926 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0933 และ SL ที่ประมาณ 1.0909 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0921 - 1.0926 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0921ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0912 และ SL ที่ประมาณ 1.0929 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0908 - 1.0913 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0901 และ SL ที่ประมาณ 1.0925 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points May 12, 2023 09:15AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2